สรุปข่าวในและต่างประเทศตลอดช่วงสัปดาห์

สรุปข่าวในและต่างประเทศตลอดช่วงสัปดาห์

สหรัฐ

• ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐตัดสินใจลงนามร่างกฎหมายงบประมาณ ส่งผลให้สหรัฐเลี่่ยงชัตดาวน์ (รอบสอง) โดยให้เงินทุนแก่ 9 หน่วยงานรัฐบาล ซึ่งมีเจ้าหน้าทีของรัฐกว่า 8 แสนคน โดยการลงนามดังกล่าว จะสามารถยืดเวลาให้รัฐบาลไม่ต้องถูกชัตดาวน์อีกครั้งไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. ปีนี้
• นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้ใช้อำนาจในการลงนามประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณในการสร้างกำแพงพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก โดยการออกประกาศนี้ ทำให้ ปธน.ทรัมป์ ไม่ต้องขอความเห็นจากสภาครองเกรส โดยให้เหตุผลว่า การสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสองประเทศ จะทำให้สหรัฐลดปัญหาการหนี้เข้าเมือง ปัญหายาเสพติด และนักค้ามนุษย์อีกด้วย
• สภาผู้แทนสหรัฐส่งจดหมายแจ้งไต่สวน ปธน.ทรัมป์ หลังประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อหาเงินสร้างกำแพง หลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ ได้ออกประกาศภาวะฉุกเฉิน คณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนสหรัฐ ซึ่งนำโดยสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต ได้มีหนังสือ เพื่อให้ ปธน.ทรัมป์ ได้ชี้แจงความจำเป็นในการออกประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
• การเจรจารข้อตกลงการค้าเป็นไปได้ด้วยดีหลังจากที่ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองประเทศ (จีนและสหรัฐ) มีการประชุมหารือกันหลายครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านดอลล่าห์ โดยทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ในเชิงบวก และมีแนวโน้มที่ว่า ปธน.ทรัมป์ จะประกาศเลื่อนกำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีออกไปก่อน โดยมีกำหนดเดิมในช่วงเดือนมีนาคม ปีนี้
• ดอลล่าห์สหรัฐอ่อนค่าลง ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น หลังจากประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐเช่น ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ราคานำเข้า รวมไปถึงตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนให้ไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่าอย่างทองคำ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

ยุโรป

• ECB พิจารณามาตรการอัด QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คณะกรรมการของ ECB อยู่ระหว่างการพิจารณาการจัดสรรสภาพคล่องระยะยาวที่กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (TLTRO) โดยมีแผนที่จะซื้อพันธบัตรเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการอัดฉีดเงินเข้าระบบ (QE) ซึ่งมาตรการดังกล่าว หวังที่จะกรระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มยุโรป อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว อาจจะยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีนี้
• ข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีเทราซ่า เมย์ มีความหวังมากขึ้น “โกลด์แมน แซคส์” แสดงความเห็นเกี่ยวการเสนอร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ของนางเมย์ มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยให้อัตราส่วนเป็น 50-50 ขณะที่โอกาสที่อังกฤษจะออกจากยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ (No Deal) มีโอกาสเพียงร้อยละ 15 และโอกาสที่จะอังกฤษจะไม่แยกตัวออกจากยุโรปมีโอกาสร้อยละ 35

จีน

• จีนเผยความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าเป็นไปได้ด้วยดี สอดคล้องกับการแถลงการณ์ของ สหรัฐที่สถานที่ถูกจัดขึ้นสลับกันไปมาระหว่าง Beijing และ Washington หลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเจรจาของทั้งสองประเทศ และแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการเจรจาหาข้อยุติทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในการหารือดังกล่าว

ไทย

• ตลาดหุ้นไทยปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สาม ปิดที่ 1,635.71 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สาม แม้ว่าสัญญาณการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะดีขึ้น แต่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่แน่นอนยังสร้างความกดดันให้กับตลาดหุ้นไทยอยู่ นอกจากนั้น ค่าเงินบาทยังแข็งค่าตามตลาดภูมิภาคปิดที่ระหว่าง 31.20-31.25 บาท/ดอลล่าห์ ทั้งนี้ ตลาดยังรอการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ในไตรมาศที่ 4 ของปีื 2018 ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินบาทและส่งผลทางจิตวิทยาต่อตลาดไทยต่อไป

ที่มา: (1) บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จัดการกรุงไทย และ (2) บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย