SINGER คาดเผชิญ 3 ความท้าทาย
เราคาดว่า SINGER จะต้องเผชิญ 3 ความท้าทายที่สำคัญในอนาคตอันใกล้ ได้แก่
ความท้าทายในการรองรับ dilution impact ของ SGC เนื่องจากบริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อภายใต้แบรนด์ SINGER กำลังเสนอขายหุ้น IPO อยู่ขณะนี้และกำไรสุทธิของ SINGER จะถูก dilute เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/67 ลง 24.5%/24.6% เพื่อรวม dilution impact ต่อกำไรสุทธิกอปรกับมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมที่มากขึ้นต่อธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
เรามองว่าความท้าทายที่ SINGER ต้องเผชิญเพื่อเพิ่มการเติบโตจะถูกกลบด้วย dilution เนื่องจากผู้บริหารของ SGC ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเหมือนช่วงก่อน IPO แม้เราสังเกตว่า SINGER พยายามที่จะหาพันธมิตรและธุรกิจใหม่ เช่น พันธมิตรกับ JMART, GUNKUL และ BRR หรือมุ่งเน้นไปยังการเพิ่ม SKU ใหม่ เช่น สินค้าไลฟ์สไตล์และความงาม แต่ยังอยู่ในเฟสเริ่มต้นและอาจไม่ช่วยเพิ่มกำไรสุทธิของ SINGER ในระยะสั้นเพื่อชดเชยผลกระทบจาก dilution effect
ความท้าทายในการเพิ่มขนาดของธุรกิจการขาย แม้ SINGER สามารถเพิ่มจำนวนเครือข่ายแฟรนไชส์ขึ้นเป็น 6,120 สาขา ในไตรมาส 3/2565 จาก 2,030 สาขา ในปี 2563 และคาดจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ 7,000 สาขา ได้ในปี 2565 แต่เรามองว่าเป็นความท้าทายของ SINGER ในการเติบโตในระยะยาวขณะที่ยังคงการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้นจากฐานแฟรนไชส์ซีที่สูงแล้ว การคุมคุณภาพของแฟรนไชส์ซีที่ดีขึ้นจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทฯ ต้องมุ่งเน้นต่อไป ดังนั้น ผู้บริหารจึงคาดว่าอัตรากำไรจะอยู่ที่ 45-48% ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในปี 2565 แทนที่จะขยายตัวขึ้นจากยอดขายที่มากขึ้นจากช่องทางออนไลน์
ความท้าทายในการเติบโตสินเชื่อ C4C ในตลาดที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น แม้เราเชื่อว่า SGC จะสามารถใช้เงินทุนที่ได้จากการเพิ่มทุนของ SINGER กอปรกับเงินทุนจาก IPO เพื่อขยายสินเชื่อในกลุ่ม C4C ต่อไปได้ แต่เราคาดว่าการแข่งขันในตลาด C4C ของรถบรรทุกจะรุนแรงมากขึ้นซึ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อหลักของ SGC ในสัดส่วนที่ 95.7% ณ ไตรมาส 3/2565 เนื่องจากผู้ประกอบการรถบรรทุกรายใหญ่จะขยายธุรกิจของกลุ่มนี้ในเชิงรุกมากขึ้นจากอัตราตอบแทนสินเชื่อที่สูงขึ้นเป็นระดับหลักสิบเมื่อเทียบกับของสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่อัตราตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 6-8%
มุมมอง KS
เราลดคำแนะนำ SINGER เป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” และลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ลงเป็น 33.5 บาท จาก 47.0 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิและ holding discount เพื่อรวมการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ หลัง SGC เสนอขายหุ้น IPO
