ก่อนอื่น ผู้โพสต์ขอเรียนให้ท่านนักลงทุนที่สนใจได้รับทราบว่าการใช้คําว่า " พวกหมดตูด " และ " พวกรวยเละ " นั้น ผู้โพสต์มีเจตนาในการสร้างสีสัน และแสดงให้ผู้ที่สนใจติดตามเห็นเป็นภาพกว้างๆประกอบการโพสต์เท่านั้น โดยไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่ดูหมิ่น ยกยอปอปั้น หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงใดๆทั้งสี้น และถ้าท่านนักลงทุนท่านใดแปลเจตนารมณ์ของผู้โพสต์ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากนี้ ตลอดจนในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อหุ้นหรือบุคคลที่สามที่ผู้โพสต์จะได้กล่าวอ้างอิงถึงต่อไปในที่นี้ ผู้โพสต์ก็ขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วย
"พวกหมดตูด " หมายถึง " Set Index และหุ้นบลูชิพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรก " ที่ปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลหรือทําจุดสูงสุดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 หรือก่อนหน้านั้นแล้วปรับตัวลดลงมาจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 เพราะ " สงครามการเงินโลก และสงครามการค้าโลก " ดังนี้ คือ :
1) Set Index ทําจุดสูงสุดตลาดกาลที่ 1,852 จุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 และปิด 1,717 จุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 1,717 - 1,852 ) / 1,852 x 100 = -7.29%
2) PTT ทําจุดสูงสุดตลาดกาลที่ 59.50 บาท เมื่อ วันที่ 24 เมษายน ปี พ.ศ 2561 และปิด 47.25 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 47.25 - 59.50 ) / 59.50 x 100 = -20.59%
3) AOT ทําจุดสูงสุดตลาดกาลที่ 77.75 บาท เมื่อ วันที่ 8 มกราคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 71.75 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 71.75 - 77.75 ) / 77.75 x 100 = -7.72%
4) CPALL ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 90.00 บาท เมื่อ วันที่ 27 มีนาคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 86.50 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 86.50 - 90.00 ) / 90.00 x 100 = -3.89%
5) ADVANC ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 215.00 บาท เมื่อ วันที่ 16 มีนาคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 213.00 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 213.00 - 215.00 ) / 215.00 x 100 = -0.93%
6) SCC ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 528 บาท เมื่อ วันที่ 5 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2560 และปิด 440 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 440 - 528 ) / 528 x 100 = -16.67%
7) PTTEP ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 151.50 บาท เมื่อ วันที่ 21 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 134.00 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 134.00 - 151.50 ) / 151.50 x 100 = -11.55%
8) KBANK ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 245 บาท เมื่อ วันที่ 8 มกราคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 174.5 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 174.5 - 245 ) / 245 x 100 = -28.78%
9) SCB ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 162.50 บาท เมื่อ วันที่ 15 มกราคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 136.00 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 136.00 - 162.50 ) / 162.50 x 100 = -16.31%
10) BBL ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 217 บาท เมื่อ วันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ 2561 และปิด 185.50 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 185.50 - 217 ) / 217 x 100 = -14.52%
11) PTTGC ทําจุดสูงสุดขาขึ้นรอบที่แล้วที่ 105 บาท เมื่อ วันที่ 23 เมษายน ปี พ.ศ 2561 และปิด 61.00 บาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง = ( 61.00 - 105 ) / 105 x 100 = -41.90%
12) ค่าเฉลี่ยพวกหมดตูด = -15.47%
ส่วน " พวกรวยเละ " หมายถึง ดังนี้ คือ :
1) ถือหุ้น STEC ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ที่ราคา 17.10 บาท มาถึงวันที่ 28 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ที่ 20.40 บาท โดยได้กําไร = ( 20.40 - 17.10 ) / 17.10 x 100 = +19.30% สาเหตุของการปรับตัวสูงขึ้นของ STEC เนื่องจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทย
2) และ ถือหุ้น STEC อย่างต่อเนื่อง จากวันที่ 28 ธันวาคม ปี พ.ศ 2562 ถึงวันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 ที่ราคาปิดที่ 22.70 บาท โดยได้กําไร ( 22.70 - 20.40 ) / 22.40 x 100 = +11.27% สาเหตุของการปรับตัวสูงขึ้นของ STEC เนื่องจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทย
3) และ หลังจากนั้นก็ Long และ Short Set 50 Derivatives ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 มาถึงวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 ตามแรงซื้อและแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และตามนโยบายการลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในอนาคตเป็นหลัก
4) รวมกําไรทั้งสิ้น = 19.30% + 11.27% + 44.98% + 4.99% - 10.88% +151.31 - 23.01 - 0.91 % = +197.05%
เพราะฉะนั้น " พวกรวยเละ " ให้ผลตอบแทนมากกว่า " พวกหมดตูด " โดยเฉลี่ย = +197.05 - ( -15.47%) = +181.58% ในช่วงเวลาเดียวกัน
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.settrade.com )
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook