ห้องเม่าปีกเหล็ก

FETCO เผยความเชื่อมั่นนักลงทุน”วูบ”กังวล Stagflation

โดย Durant
เผยแพร่ :
56 views

FETCO เผยความเชื่อมั่นนักลงทุน”วูบ”กังวล Stagflation สูงขึ้น

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO )เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจในเดือน เมษายน 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.42 ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า นักลงทุนมองการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน(ฟันด์โฟลว์) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 

สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รองลงมาคือนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเก็บภาษีจากการขายหุ้น

โดยผลสำรวจ ณ เดือน เม.ย 2565 พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลด 13.1% อยู่ที่ระดับ 98.36 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 15.0% อยู่ที่ระดับ 85.00 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 25.0% มาอยู่ที่ระดับ 100.00

ในเดือนเม.ย. 2565 SET Index ปรับตัวในทิศทางที่ลดลงตลอดทั้งเดือน จากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ลงมาอยู่ที่ 3.5% จากเดิม 4% 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลาดทุนไทยยังได้รับข่าวดีจากการที่รัฐบาลประกาศผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ และเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องซึ่งซื้อสุทธิในเดือนเม.ย. 9,779.91 ล้านบาท และซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี 118,120.26 ล้านบาท ส่งผลให้ SET index ปิดที่ 1,667.44 จุด ณ สิ้นเดือนเม.ย.65 ปรับตัวลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้า

โดยปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์ยืดเยื้อระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ก่อให้เกิดวิกฤติพลังงานและอาหาร และซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อสูงในปัจจุบันซึ่งทำให้ความกังวลต่อการเกิดภาวะ Stagflation สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศที่มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น อาทิ เฟดส่งสัญญาณจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมีแนวโน้มจะเริ่มนโยบาย Quantitative Tightening ในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์ล็อกดาวน์ในประเทศจีนจากการที่โควิด-19 กลับมาระบาดในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่น่าติดตามจากแนวโน้มการเปิดประเทศในแถบเอเชียซึ่งจะสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการท่องเที่ยวในประเทศหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ

 


Durant