คนส่วนใหญ่ของประเทศเราชอบดูที่ผลลัพธ์ (Outcome) มากกว่ากระบวนการ ( Process) เรามักดูก้อนน้ำแข็งที่โผล่มามากกว่ามองข้างใต้ว่าก้อนทีโผล่มามันมีรากฐานฝังลึกไปด้วยอะไรบ้าง ขอแชร์บทความดังกล่าวเผื่อจะเป็นประโยชน์
____________________
กระแส "โปรเม" กำลังมาแรงจนมีหมอเด็กและเทรนเนอร์หลายเอาข้อคิดมาเขียนเป็นเรื่องเป็นราวและแชร์กันมากมาย ข้อสรุปง่ายๆ ของบทความเหล่านั้น คือ
1.พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
2. เราสามารถทำสำเร็จถ้าทุ่มเทสุดตัวและมุ่งมั่น
ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่วนตัวเห็นด้วย แต่เรื่องนี้ต้องขยายในหลายมิติและหลายคนคงลืมไปว่า
ข้อ 1 ในการกีฬาแม้ว่าพรแสวงอาจสำคัญกว่า แต่พรสวรรค์มีความสำคัญมาก ถ้าใครเคยอยู่วงการกีฬาหรือมีลูกอยู่ในวงการกีฬาจะรู้ดี โปรเมมาถึงจุดนี้ได้พรสวรรค์ต้องมาก่อนแน่นอน (และคุณพ่อคุณแม่ก็เก่งพอที่จะมองเห็น) ใครไม่มีตรงนี้แสวงไปก็เหนื่อยหนัก เสียเงินเสียทองเพราะมัวแต่ตามหาความฝันของตัวเองไม่ใช่ความฝันของลูก
ข้อ 2 มุ่งมั่นดี แต่การ “ทุ่มสุดตัว” มีเส้นบางๆ อยู่ระหว่าง "บ้า" "เสี่ยง" และ "เต็มที่" สถานการณ์ "หลังชนฝา" เป็นเรื่องน่ากลัวในมุมมองของเศรษฐศาสตร์ แม้ในมุมมองของเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงทรงสอนให้ "มีความพอประมาณ" และ "มีภูมิคุ้มกัน"
โชคดีที่โปรเมเป็นผู้ชนะ (ที่เหมาะสมจะชนะ) แต่ในวงการกีฬาผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียว และต้องแลกมาด้วยน้ำตาและหยาดเหงื่อมากมาย ใครไม่เคยแพ้ในวงการนี้ไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน การปั้นเด็กแต่ละคนที่รู้มามีทั้งการเฆี่ยนตี ตบหน้า และถากถางทำร้ายทางจิตใจ ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าการจะไปถึงจุดสูงสุดจุดนั้นมันมีอะไรมากกว่าที่เรารู้ เด็กบางคนร้องไห้ อ้วก เลือดกำเดาไหลระหว่างการแข่งขัน และ ฯลฯ ไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่ที่จะต้องเครียดแค่ไหน เพราะในทางกลับกันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมต้องคาดหวังกับลูกจากการทุ่มทุน เวลา และโอกาสในชีวิต มันเป็นวงจรอุบาทว์ที่น่ากลัว มีคนทำอย่างครอบครัวโปรเมนับไม่ถ้วนที่ชีวิตล้มเหลวไม่เป็นท่าโดยที่เราไม่มีโอกาสได้รู้เห็น
เด็กๆที่ถูกพ่อแม่กดดันก็น่าสงสารและล้มเหลวมากมาย self-esteem สลายหายไปหมด เพียงเพราะไม่ไปถึงฝัน
ตอนนี้กลัวมากว่าพ่อแม่จะเข้าใจผิดคิดว่ากระบวนการมันง่ายๆ เพียงแค่ทุ่มเทและมุ่งมั่นจนลืมนึกถึงความสุขของเด็กน้อย โดยเฉพาะเด็กวัยประถมที่ส่วนมากยังหาตัวเองไม่เจอก็จะถูกยัดเยียดสิ่งนั้นสิ่งนี้จากพ่อแม่
ยังคงชื่นชมและยินดีกับครอบครัวจูฑานุกาล ยกนิ้วให้กับความอดทน ความเพียรและความตั้งใจ
สุดท้ายสิ่งที่อยากเขียนคือ ครอบครัวต้องหาจุดสมดุลให้พอดี "จุดสมดุลอยู่ที่ความพอใจ" แต่ขอให้จุดที่พอใจมาพร้อมกับ "สติ" และไม่ว่าจะทุ่มเทถึงระดับไหน ขอให้โฟกัสไปที่กระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ เพราะคนที่รับไปเต็มๆ คือเด็กตัวน้อยๆ ลูกเราเอง
สงสารเด็กน้อยหลายคนที่กำลังถูกเคี่ยว (ทั้งเรื่องกีฬา ดนตรี หรือเรื่องการเรียน) คนไทยเชื่อง่ายและไม่ค่อยจะกรองอะไรมากมาย
บทความโดย รศ.ดร.ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ
วิทยาลัยประชากรศาสตรื จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาล้ย
ป.ล. นาทีนี้เพลงนี้ต้องมา “ความเชื่อ” ของพี่ตูน เพลงนี้นักกีฬาตัวน้อยที่บ้านเปิดฟัง(เอง)ตอนเช้าทุกวัน