สรุป และ วิเคราะห์
บทสัมภาษณ์ อาจารย์ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รพ. ราชพฤกษ์ (RPH)
จากรายการ Money Talk
วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2564
===================================================
ปีที่แล้ว RPH ก็ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เช่นเดียวกับหลายๆธุรกิจในประเทศไทย
ซึ่งจริงๆแล้วในไตรมาส 1/2563 ในช่วง เดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ รายได้กำลังตั้งลำมาดีมากๆ แต่ก็ไปโดนผลกระทบจาก COVID-19 ไม่อย่างนั้นแล้วไตรมาส 1/2563 ก็คงจะเป็นไตรมาสที่ดีมากของ RPH ครับ
คำถาม Hi-Light ที่ผมได้ถามผู้บริหาร คือ “หากไม่เจอผลกระทบจาก COVID-19 รายได้น่าจะเป็นอย่างไร?”
ผู้บริหารตอบว่า “รายได้น่าจะมากกว่าปีที่แล้ว 10-20% (แต่ก็เหมือนให้น้ำหนักที่ 20%)”
ปีที่แล้วรายได้ประมาณ 812 ล้านบาท
กำไรประมาณ 94 ล้านบาท
หากมองว่ารายได้เติบโต 10-20%หมายความว่ารายได้ควรจะเติบโตประมาณ 80-160 ล้านบาท
ซึ่ง Variable Cost ของ RPH อยู่ที่ประมาณ 40%
ดังนั้นกำไรขั้นต้นที่ไม่รวม Fixed Cost ก็จะอยู่ที่ประมาณ 60%
หากตามที่ผู้บริหารมองว่า “รายได้ควรจะเติบโต 80-160 ล้านบาท”จะคิดเป็นกำไรขั้นต้นที่ประมาณ 48-96 ล้านบาท
ซึ่งหากควบรายได้ตรงนี้มาจากชั้นที่ยังไม่เปิดเพิ่ม Fixed Cost ก็จะเท่าเดิม ดังนั้นก็สามารถนำกำไรขั้นต้นส่วนที่เพิ่ม ประมาณ 48-96 ล้านบาท ไปหักภาษี 20% ก็จะได้กำไรส่วนเพิ่มที่ 38-76 ล้านบาท แล้วนำไปรวมกับฐานกำไรปี 2563 เพื่อหากำไรที่ควรจะเป็นหากไม่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ก็จะได้ฐานกำไรประมาณ 132-170 ล้านบาท
หรือ หากรายได้เติบโต 10% กำไรจะเติบโต 38 ล้านบาท (หรือ เติบโต 40%)
หรือ หากรายได้เติบโต 20% กำไรจะเติบโต 76 ล้านบาท (หรือ เติบโต 80%)
ดังนั้นถ้ารายได้กลับมาเติบโตที่ระดับ 10-20% ระดับ PE 32.29 เท่าที่ราคาปัจจุบัน 5.55 บาท ก็น่าจะมีโอกาสที่จะลดลงมาที่ระดับ 18-23 เท่าหากรายได้กลับมาเติบโตระดับ 10-20% ครับ
ผู้บริหารมีมุมที่กังวลเรื่องกำลังซื้อ แต่ผมกลับไม่ได้คิดว่ากำลังซื้อไม่ได้มีความน่ากังวลสักเท่าไร เพราะ หากมีปัญหากำลังซื้อ แต่ผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องไปหาหมอ ผมยังนึกไม่ออกว่าจะไม่ไปหาหมอได้อย่างไร เพราะ ผมเข้าใจว่าคนที่ไม่สบาย โดยปกติก็คงไปซื้อยากินเองก่อน ถ้าไม่หายก็ค่อยไปเข้าโรงพยาบาล ซึ่งผมเข้าใจว่าคนไทยปกติเป็นอะไรก็จะซื้อยาก่อนอยู่แล้ว (เพราะผมก็เป็นครับ)
ผมว่ามีส่วนน้อยมากที่หากมีความจำเป็นต้องไปหาหมอ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมจากไปหาหมอที่ รพ. เอกชน แล้วไป รพ. รัฐ
ผมว่าจะมีแต่ว่า หากกำลังซื้อหาย ผู้ป่วยน่าจะเลือกไปที่ รพ. เอกชน ที่ราคาถูกลงมา ผมกลับคิดว่าถ้ากำลังซื้อหาย น่าจะเป็นโอกาสของ RPH มากกว่า เพราะ ผู้ป่วยจะย้ายจาก BDMS RAM ที่มีค่าใช้ที่สูงกว่ามาที่ RPH เพราะ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าครับ
อีกมุมหนึ่งที่ผมถาม คือ เรื่อง Market Share ช่วงที่ผ่านมา ผู้ป่วยเด็ก RPH กิน Market Share จาก BDMS RAM มาได้พอสมควร แต่หลังจากนั้น Market Share ก็ทรงตัว
ซึ่งผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ IR (แผนกนักลงทุนสัมพันธ์) หลังจากนั้น คือ ทาง RPH ได้มีโอกาสชวนคุณหมอที่รักษาโรคมะเร็งที่ทำงานที่ รพ. ศรีนครินทร์ มาร่วมงาน โดยคุณหมอท่านนั้น เดิมเคยทำที่ รพ. เอกชน อื่น แต่ไม่ชอบนโยบายการตั้งราคาที่สูงเกินไป จึงทำให้คุณหมอท่านนั้นไม่สบายใจ จึงลาออกจาก รพ เอกชน อื่น แล้วทำแต่ที่ รพ. ศรีนครินทร์
แต่พอคุณหมอได้มีโอกาสคุยกับทาง RPH แล้วคิดว่า นโยบายการตั้งราคานั้นเหมาะสม ก็เลยเลือกที่จะมาร่วมงานด้วย และ ผู้ป่วยที่พอมีกำลังในการจ่ายก็ย้ายตามมาด้วย
เท่าที่เข้าใจก็มีผู้ป่วยที่ย้ายมาจาก รพ. ศรีนครินทร์ มาใช้บริการกับหมอท่านนี้พอสมควร ซึ่งตรงนี้ผมอยากให้ลองพิจารณาตามนะครับ คุณหมอท่านนี้ทำงานประจำที่ รพ. ศรีนครินทร์ ที่เป็น รพ รัฐ แต่พอย้ายมาทำที่ รพ. เอกชน ผู้ป่วยก็ย้ายมาพอสมควร ดังนั้นผมคิดว่าในบางครั้งจะมองว่าผู้ป่วย รพ. รัฐ ไม่ได้มีกำลังจ่ายก็อาจจะไม่ได้ แต่อาจจะเพราะตัวเลือกที่มีน้อย หรือ ติดหมอ แต่พอคุณหมอท่านย้ายมาทำ part time ที่ รพ. เอกชน ผู้ป่วยก็ยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อได้รับความสะดวกที่มากกว่า
และเท่าที่เข้าใจก็ยังมีคุณหมออีกหลายๆท่านที่เป็นคุณหมอประจำที่ รพ. ศรีนครินทร์ มีโอกาสจะย้ายมาร่วมงานกับ RPH ครับ ดังนั้น โอกาสเพิ่มรายได้ หรือ Market Share จากผู้ป่วยผู้ใหญ่ หรือ ผู้ป่วยที่เกี่ยวกับโรคซับซ้อนทหรือ Aging Society น่าจะเริ่มเปิดกว้างครับ
ส่วนเรื่องโรงพยาบาลเก่าที่ปัจจุบันปิดอยู่ ตอนนี้ก็ยังคงรอดูสถานการณ์ แต่หากเปิดจริงก็จะเน้นกลุ่มผู้ป่วยระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม ที่มีค่าใช้จ่ายต่อบิลที่สูงกว่าเดิมที่ระดับ C- ทำให้มีอัตราดารทำกำไรที่ดีกว่าเดิม
ซึ่งการลงทุน Renovate โรงพยาบาลเก่าก็ถือว่าเป็น upside ที่น่าสนใจ เพราะใช้งบประมาณลงทุนที่ไม่มาก แต่ได้อีกกลุ่มลูกค้า และก็เหมือนเป็นการ utilize asset ที่ตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว และ มูลค่าสินทรัพย์ตรงนี้ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทน ดังนั้นหากเปิดจริง และ ทำกำไรได้ก็จะทำให้ ROE นั้นสูงขึ้น
กราบขอบพระคุณ อาจารย์ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และทีมงาน Money Talk ทุกท่านที่ให้โอกาสแอดมินได้ร่วมสัมภาษณ์ อาจารย์ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ ..
ชอบกด like ใช่กด share
ฝากเพจลงทุน เม่ากลับใจ
ไว้ในอ้อมใจนักลงทุนทุกท่านด้วยครับ