ห้องเม่าปีกเหล็ก

กำไรของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2566 ไตรมาส 1 รายอุตสาหกรรม

โดย พายุ
เผยแพร่ :
95 views

กำไรของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2566 ไตรมาส 1 รายอุตสาหกรรม

ปี 2566 (ไตรมาส 1) ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเติบโตลดลงเล็กน้อย

เนื่องจากต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายที่ใช้เพื่อการฟื้นตัวของธุรกิจสูงกว่ายอดขายที่เกิดขึ้น

โดยหลังจากที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ทยอยออกงบการเงินในปี 2566 ไตรมาส 1 ออกมาครบแล้ว ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปประเด็นที่น่าสนใจให้นักลงทุนได้อ่านกัน

 

SET และ mai มี P/E Ratio สูงขึ้นเล็กน้อย ในปี 2566 ไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

อ้างอิงข้อมูลจาก SET พบว่า ดัชนี SET ปิดตลาดเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 1,609.17 ลดลงกว่าเดือนมีนาคม 2565 ลงมา -5.1%

ขณะที่ดัชนี mai ในปีเดียวกันอยู่ที่ 538.10 ลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2565 ลงมา -18.8%

โดยมีอัตราการซื้อขายกันที่ P/E Ratio 19.6 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับดัชนี SET ปิดตลาดในเดือนมีนาคม 2565 ที่ P/E Ratio 18.4

 

กำไรในตลาดปี 2566 ไตรมาส 1 เติบโตจากอะไร

จากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 591 บริษัท มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 2.62 แสนล้านบาท หดตัวลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2565 ไตรมาส 1

โดย 3 อุตสาหกรรมหลักที่มีกำไรสูง ได้แก่ ทรัพยากร ธุรกิจการเงิน และ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

โดยหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวสูง ได้แก่

1. อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (26%)

2. เทคโนโลยี (18%)

3. ธุรกิจการเงิน (18%)

5 อันดับบริษัทที่กำไรสุทธิสูงสุดในปี 2566 ไตรมาส 1 ในแต่ละอุตสาหกรรม ดังนี้

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ได้แก่ บริษัท SCC CPN SIRI AP และ AWC

อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้แก่ บริษัท ADVANC DELTA INTUCH TRUE และ MFEC

อุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน ได้แก่ บริษัท SCB KBANK BBL KTB และ BAY

 

ความแข็งแกร่งของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ตามหมวดธุรกิจ

หมวดธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง คือหมวดธุรกิจที่เติบโตทั้งด้านรายได้และกำไร ซึ่งหมวดธุรกิจที่มีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้งคู่ในปี 2566 (ไตรมาส 1)

และ Leverage (D/E) ลดลง ได้แก่ หมวดพาณิชย์ ประกันภัยและประกันชีวิต ขนส่งและโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวและสันทนาการ และ สื่อและเทคโนโลยี

ขณะที่หมวดธุรกิจที่ผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก คือหมวดธุรกิจที่มีรายได้และกำไรสุทธิลดลงไปใน 2566 (ไตรมาส 1) และ Leverage (D/E) เพิ่มขึ้น ได้แก่

หมวดปิโตรและเคมีภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ แฟชั่น และ ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์

 

ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อความผันผวนด้านการลงทุน

กล่าวโดยสรุป ทิศทางผลการดำเนินงานในบาง

อุตสาหกรรมมียอดขายในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าช่วงปีก่อน สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ การวางกลยุทธ์ในลงทุนยังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกิดมาจากด้านต้นทุนที่สูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นทั่วโลก

ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ความผันผวนของสินทรัพย์จะส่งผลให้ SET Index ผันผวนตามได้เช่นกัน

ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ผลประกอบการมีทิศทางขาขึ้นและมีปัจจัยสนับสนุนอื่นที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสให้คุณได้ลงทุนได้ถูกจังหวะและได้กำไรในช่วงเวลาเช่นนี้

 

ผู้เขียน : ธนัชญา ปิยวรไพบูลย์, Economics Data Analytics

ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics

 

 

 

 


พายุ