การประกาศปรับขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ของสินค้านําเข้าจากจีนของสหรัฐอเมริกาจํานวน 200,000 ล้าน USD เดิมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 และจีนตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นภาษีจาก 5 - 10% เป็น 25% ของสินค้านําเข้าจากสหรัฐอเมริกาของจีนจํานวน 60,000 ล้าน USD เดิม และจะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายน ปี พ.ศ 2562 นั้น สิ่งที่แสดงว่าสหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งกว่าจีนมี 2 ประการ!
1) ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ( +2.44 เท่า ) ดังนี้ คือ :
2) Shianghai Composite Index :
2.1) Shianghai Composite Index ทําจุดสูงสุดในรอบที่แล้วที่ 3,279.49 จุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน ปี พ.ศ 2562
2.2) Shianghai Composite Index ทําจุดตํ่าสุดที่ 2,838.39 จุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562
3) ปรับตัวลดลง = -13.45%
1) Down Jones :
1.1) Down Jones ทําจุดสูงสุดในรอบที่แล้วที่ 26,695.96 จุด เมื่อวันที่ 23 เมษายน ปี พ.ศ 2562
1.2) Down Jones ทําจุดตํ่าสุดที่ 25,222.51 จุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562
1.3) ปรับตัวลดลง = -5.52%
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สรุปว่า ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา = 13.45% / 5.52% = +2.44 เท่า
2) ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ( -3.32% ) :
2.1) วันที่ 3 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 : ค่าเงินหยวน = 6.72 Yuan Per USD
2.2) วันที่ 17 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 : ค่าเงินหยวน = 6.943 Yuan Per USD
2.3) เงินหยวนอ่อนค่าลง = ( 6.72 - 6.943 ) / 6.72 x 100 = -3.32%
และถ้าสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นภาษีจาก 0% เป็น 25% จากสินค้าที่เหลืออีก 325,000 ล้าน USD ในวันที่ 10 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 สิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา และจีน ก็คือ :
1) สหรัฐอเมริกา : สินค้าจะมีราคาสูงขึ้น เพราะกําแพงภาษีของสหรัฐอเมริกามีผลเต็มที่ และจะไปผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และในที่สุดก็จะนําไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate จนไปถึงจุดสูงสุดในรอบนี้ แล้วฟองสบู่โลกแตกก็จะตามมา
2) จีน : ชาวจีนตกงานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการย้ายฐานการลงทุนออกจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่นที่ไม่ได้มีการกีดกันภาษีจากสหรัฐอเมริกา เช่น ไทย เวียดนาม เป็นต้น ทําให้จีนประสบปัญหาทางด้านเศรฐกิจทันที เพราะเดิมทีนั้น จีนถือว่าเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าออกมาป้อนชาวโลก
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานั้น ฟองสบู่โลกแตกในอนาคตจึงหนีไม่พ้น โดยมีสาเหตุสําคัญมาจาก :
1) สงคราการค้าโลก โดยนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อจีน และเป็นกลยุทธดอกแรกที่ทําลายล้างจีนให้อ่อนกําลังลง
2) สงครามการเงินโลก โดยการปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate แบบกระชากและรุนแรง และเป็นกลยุทธดอกที่สองและดอกสุดท้ายที่จะทําให้จีนล่มจมลงทันที เพราะจีนมีหนี้สินสูงถึง 260% ของ GDP
และ ผู้โพสต์คาดว่าฟองสบู่โลกแตกครั้งต่อไป จะเป็นฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีปริมาณหนี้สินมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.cnbc.com ) และ ( www.bloomberg.com )
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com