ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดรายชื่อบริษัทมหาชน รายได้แสนล้าน แต่มีอัตรากำไรเพียง 1%

โดย มูซาซิ
เผยแพร่ :
365 views

เปิดรายชื่อบริษัทมหาชน

รายได้แสนล้าน แต่มีอัตรากำไรเพียง 1%

.

“มาร์จิ้นหรือกำไร” ถือที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลขสำคัญในการบ่งบอกถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นธุรกิจในหมวดอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวเลขของกำไรก็มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญโดยขึ้นอยู่การบริหารและจัดการของบริษัท

.

และอีกหนึ่งตัวเลขที่เป็นตัวสะท้อนถึงประสิทธิภาพการทำกำไรของบริษัท ก็คือ “อัตรากำไรสุทธิ” ที่ใช้วัดอัตราส่วนทางการเงินระหว่างผลกำไรสุทธิกับยอดขาย แต่เคยสงสัยกันหรือว่าบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีรายได้ระดับแสนล้านบาท ก็มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ 1% ด้วย ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จะพาไปชมกัน

.

สำหรับชุดข้อมูลที่เราหยิบยกขึ้นมาในครั้งนี้ จะอ้างอิงจากผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไทยในปีล่าสุดหรือ ณ สิ้น ปี 2565 ซึ่งพบว่ามีถึงจำนวน 7 บริษัท แต่จะมีรายชื่อบริษัทและรูปแบบการทำธุรกิจอะไรนั้น มีรายละเอียดข้อมูลตามด้านล่างนี้

.

เริ่มกันที่บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คโทรนิคส์ในรูปแบบของ EMS โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 2 ประเภทคือ อุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ในปี 2565 สามารถทำรายได้ไปถึง 1.72 แสนล้นบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 810 ล้านบาท แต่คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่เพียง 0.46%

.

อันดับถัดมาเป็น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG แต่อาจจะมีนักลงทุนหลายคนรู้จักกันในชื่อ ปั๊ม PT ซึ่งบริษัทยังมีธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG, กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนและการลงทุน, กลุ่มธุรกิจขนส่ง, กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการระบบ, กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ และกลุ่มธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์

.

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดปี 2565 แม้ว่าจะสามารถโกยรายได้ไปถึง 1.79 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิอีกกว่า 934 ล้านบาท แต่ดัวยตัวเลขกำไรที่ออกมานั้นเมื่อคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิก็จะอยู่ที่เพียง 0.53%

.

ต่อไปกันที่ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้ธุรกิจค้าก๊าซ LPG ภายใต้เครื่องหมายการค้า สยามแก๊ส และ ยูนิคแก๊ส แอมโมเนีย และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น, ธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG, ขนส่งน้ำมัน และขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถังก๊าซ LPG และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล โดยในงวดปี 2565 มีรายได้อยู่ที่ 1.03 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.07 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.07%

.

ถัดมากับอันดับที่ 4 เป็นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจ New S-curve ได้แก่ ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งในปี 2565 สามารถทำรายได้ไปถึง 1.26 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 891 ล้านบาท แต่คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.15%

.

อันดับที่ 5 เป็นหนึ่งในหุ้นของกลุ่มปตท.ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนก็คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้า ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่ โดยในปี 2565 ทำรายได้ไปถึง 7.93 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท แต่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.31%

.

ต่อมาที่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งภายใต้ชื่อ แม็คโคร และบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจค้าปลีกและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ โลตัส ในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในปี 2565 มีรายได้อยู่ที่ 4.69 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.69 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.64%

.

และสุดท้ายกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-11 และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ในปี 2565 สามารถโกยรายได้ 8.52 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท แต่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.90%

 

 


มูซาซิ