สำรวจเส้นทาง "เงินหยวน" ขึ้นแท่นเงินสกุลหลักของโลก

 

 

ในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกระส่ำระสายด้วยผลกระทบจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย อัตราเงินเฟ้อหลายประเทศพุ่งทำสถิติใหม่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายชาติ ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่าง ๆอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เงินสกุลหลักที่แทบจะผูกขาดการเป็นสื่อกลางทางการเงินในระดับโลก

.

.

การผงาดขึ้นมาของเศรษฐกิจจีน ทำให้มีคำถามถึงความเป็นไปได้ที่ “เงินหยวน” จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ถ่วงน้ำหนักกับดอลลาร์สหรัฐได้ในอนาคตอันใกล้นี้แล้วหรือยัง

.

.

TNN Wealth ขอพาไปสำรวจเส้นทางที่ผ่านมาและแนวโน้มของ “เงินหยวน” ที่จะมีบทบาทในตลาดการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ

.

.

จีนครองแชมป์ศูนย์กลางการผลิตใหญ่ที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 12

นับตั้งแต่ปี 2552 – 2564 ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลข ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 31.4 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 162 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (2563) 9.8% และคิดเป็น 27.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

.

.

เป็นการขยายตัวของผลผลิต ทั้งในกลุ่มของอุตสาหกรรมผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง และการผลิตอุปกรณ์ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นดิจิทัล ปัจจุบัน จีนมีสถานีฐาน 5G รวม 1.43 ล้านแห่ง อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายมากกว่า 520 ล้านเครื่อง

.

.

จีนกำลังจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2564 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 17.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ ซึ่ง GDP อยู่ที่ 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

.

.

นโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศของนายเติ้งเสี่ยวผิง อดีตผู้นำประเทศ เมื่อกว่า 40 ปีก่อน ทำให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน

จนทำให้มีการคาดการณ์จากสำนักวิจัย และหน่วยงานต่าง ๆ ว่า ระบบเศรษฐกิจของจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกอย่างแน่นอน อย่างเร็วที่สุดคือในปี 2571 หรือในอีก 6 ปีข้างหน้า

.

.

IMF เพิ่มสัดส่วน “เงินหยวน” ในตะกร้าเงินสำรอง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เริ่มนำเงินหยวนเข้ามาอยู่ในตะกร้าเงิน SDRs Special Drawing Rights หรือสิทธิพิเศษในการถอนเงิน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเงินทุนสำรองของ IMF เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจโลก มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559

.

.

โดยในครั้งแรกก็มีสัดส่วน 10.92% มากเป็นสกุลเงินอันดับ 3 ของโลกรองจากดอลลาร์สหรัฐ และยูโร มากกว่าเงินเยนของญี่ปุ่นและเงินปอนด์ของอังกฤษ และในเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา แม้อันดับของสัดส่วนการถือครองเงินสกุลต่าง ๆ ในตะกร้า SDRs ของ IMF จะยังคงเดิม แต่ปรับเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินหยวนเพิ่มขึ้นเป็น 12.28% พร้อมกับลดการถือครองเงินยูโรลง

.

.

ปริมาณ “เงินหยวน” ในทุนสำรองของประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

ข้อมูลจาก IMF ยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อรวมปริมาณเงินสำรองของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในช่วงไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา พบว่า ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงมีปริมาณมากที่สุด รองลงมาคือ ยูโร เยน ปอนด์ และหยวน

.

.

ปัจจุบัน ธนาคารกลาง 70 ประเทศทั่วโลก มีเงินหยวนเป็นเงินสำรองในประเทศ รวมประมาณ 3.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (ไตรมาส 1/64) 4.3 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14%

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การที่เงินหยวนจะมีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินโลกได้ จะต้องมีปริมาณสำรองของธนาคารกลางต่าง ๆ รวมกันอีกกว่าเท่าตัว หรือมากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียก่อน

.

.

เวลานั้นจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า เงินหยวนเป็นที่ต้องการจากทั่วโลกอย่างแท้จริง จีนสามารถลดต้นทุนการค้ากับประเทศต่าง ๆ ลงได้อย่างชัดเจน หากมีการทำสัญญาซื้อขายสินค้าแล้วจ่ายเงินเป็นเงินหยวน ไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอีก

.

.

นานาชาติวอนนโยบายการเงินของจีนต้องโปร่งใสชัดเจน

ในแง่มุมด้านเศรษฐกิจการค้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่า จีนกำลังจะขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของโลกได้ในไม่ช้า แต่สำหรับด้านการเงิน เงินหยวนยังไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ในระดับสากล

.

.

ทุกวันนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกไม่ได้ต้องการให้เงินดอลลาร์สหรัฐผูกขาดอยู่เพียงสกุลเดียว การมีเงินสกุลอื่นเข้ามาถ่วงดุลจะช่วยคานอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ และช่วยกระจายความเสี่ยงในโลกการเงิน ซึ่งเงินหยวนน่าจะเป็นคำตอบในเรื่องนี้ได้ แต่ยังคงไม่สามารถเห็นได้ในเร็ววัน

.

.

สิ่งที่ตลาดการเงินโลกเรียกร้องจากจีน หากต้องการให้ “เงินหยวน” เป็นเงินสกุลหลักของโลก ธนาคารกลางจีน (PBOC) ต้องอนุญาตให้การซื้อขายเงินหยวนเป็นไปอย่างเสรี มีการประกาศนโยบายที่ระบุถึงอนาคตของเงินหยวนที่ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน

.

.

ที่สำคัญคือต้องมีความเป็นกลาง ยกเลิกกฎระเบียบที่เข้มงวด สามารถตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากล ทำให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพ แลกเปลี่ยนซื้อขายได้อย่างเสรี มากกว่าการให้ความรู้สึกว่า เงินหยวนเป็นอาวุธที่ทางการจีน อาจนำมาใช้ในการต่อรองในอนาคตอย่างทุกวันนี้