จีนเตรียมรับเศรษฐกิจชะลอในรอบ30ปี
บตาจีนปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้เติบโต 6.0-6.5% พร้อมปรับลดภาษีเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ขยายตัวตามเป้าหมาย จากการแถลงรายงานของรัฐบาลต่อการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ครั้งที่ 2 ที่เปิดฉากขึ้นในวันนี้
ท่ามกลางการเข้าร่วมประชุมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำคนอื่นๆ ในพิธีเปิดการประชุมซึ่งจัดขึ้น ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ที่มีสมาชิกร่วมประชุมมากถึง 3.000 คนช่วงเช้าวันนี้
ในรายงานเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ยังระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นจังหวะที่เกิดขึ้นในรอบเกือบ 30 ปี ทำให้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญทั้งในเรื่องความเสี่ยงในเรื่องภาระหนี้ การจัดการที่เข้มงวดกับสิ่งแวดล้อม และดูแลปัญหาความยากจน
โดยตั้งเป้าหมายว่าเศรษฐกิจในภาพรวมน่าจะขยายตัวในระดับ 6.0-6.5% สำหรับปี 2019 ถึงแม้ว่า มุมองนักดศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะเชื่อว่า จีดีพีจะขยายตัวที่ระดับ 6.2% ในปีนี้ เทียบกับอัตราขยายตัวที่ 6.6% ในปี 2018 ก่อนที่อ่อนตัวลงในปี 2020-2021
โดยเฉพาะการนำเสนอรายงานถึงการดำเนินงานของรัฐบาลจีนที่จะลดมลพิษที่เกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ ลงอย่างน้อย 3% ในปี 2019 เพื่อเดินหน้าและผลักดันความพยายามในการรักษาสภาพอากาศที่สดใส ซึ่งหมายถึงลดการใช้พลังงาน โดยจะส่งผลกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงราว 0.61% ของจีดีพี
หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวรายงานโดยยอมรับว่าจีนต้องเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรง โดยได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของจีนก็ไม่ได้มาแบบอย่างง่ายๆ
เพราะความเกี่ยวพันระหว่างปัญหาเก่าและใหม่ รวมถึงเป็นปัญหาในเรื่องวัฏจักรและเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจจีนที่เคยมีเสถียรภาพ มีการเปลี่ยนแปลงในบางส่วนที่เป็นความกังวลมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกประเทศในปีที่แล้ว รวมถึงความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐได้ส่งผลกระทบอย่างไม่คาดคิดต่อการผลิตและภาคนธุรกิจในบางบริษัท รวมทั้งยังกระทบต่อความคาดหวังของตลาดด้วย
นอกจากนี้ จีนยังคงเผชิญกับทางเลือกที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ต้องวางเป้าหมายหลายด้านเพื่อให้บรรลุ ทั้งในเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นในอัตราการเติบโตที่ยั่งยืน การมีระบบป้องกันความเสี่ยง รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม
รัฐบายังเตรียมการลดภาษีในปีนี้จำนวน 2 ล้านล้านหยวน หรือ 300,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวระบุว่า การปรับลดภาษีจะเอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวมและเชิงโครงสร้าง โดยเน้นหลักที่การลดภาระภาษีต่อภาคการผลิต
รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ จากเดิมที่ 16% เหลือ 13% และปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับภาคการขนส่งและก่อสร้าง จากเดิม 10% เหลือ 9% รวมทั้งการเพิ่มอัตราลดหย่อนภาษีสำหรับภาคบริการ และผู้บริโภค
มาตรการทางเศรษฐกิจนี้มีขึ้นเพื่อวางรากฐานการเติบโตให้แข็งแกร่งโดยคำนึงถึงการรักษาความยั่งยืนทางการคลังโดยกำหนดงบประมาณขาดดุลที่ 2.8% ของจีดีพี เพื่อหนุนให้เกิดการจ้างงานอย่างน้อย 11 ล้านคน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 5.5% การดูแลเงินเฟ้อที่ระดับ 3.0% และการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
โดยรัฐบาลจีนได้ประกาศจะอนุมัติงบประมาณด้านการทหารเพิ่มขึ้นอีก 7.5% ในวงเงิน 1.19 ล้านล้านหยวนในปี 2019เป็นอัตราที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับงบกองทัพ 1.11 ล้านล้านหยวนในปี 2018 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1%
นอกจากนี้ หลี่ เค่อเฉียง ได้กล่าวย้ำว่า จีนจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นวงกว้าง ด้วยการปรับปรุงระบบการเรียกเก็บค่าเสียหายเพื่อลงโทษผู้ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และสนับสนุนให้มีการประดิษฐ์คิดค้นและสร้างสรรค์ เพื่อให้นำไปปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมของจีน
รวมทั้งการดูแลและรับมือกับภาวะตลาดการเงิน ทั้งในตลาดบอนด์ ตลาดหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินหยวนที่มีเสถึยรภาพ โดยจะมีการรักษาสถานะของฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้มีความมั่นคง
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..