ห้องเม่าปีกเหล็ก

ภาคเอกชนไทยกับบทพระเอกกอบกู้เศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิด-19

โดย Khondony
เผยแพร่ :
89 views

ผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 แผ่วงกว้างไปในทุกภาคส่วน เรียกว่าไม่มีใครไม่ได้รับผลครั้งนี้ และเป็นผลกระทบที่มีความรุนแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งส่งให้หลายธุรกิจขาดรายได้ จนต้องตัดสินใจปลดคนงานออก ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้ย่ำแย่ลงไปอีก กระทั่งรัฐบาลต้องออกมาร้องขอ ให้ธุรกิจชะลอการปลดพนักงานไว้ก่อน และทำจดหมายถึงผู้นำองค์กรธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ เพื่อขอความช่วยเหลือและคำแนะนำ ที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้ไปต่อได้ จนเกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างอื้ออึงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์กรธุรกิจเอกชนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารและกำกับกิจการอย่างมีประสิทธิภาพของภาครัฐ โดยภาคเอกชนเป็นตัวหลักในการผลิตและการจ้างงาน ที่ทำให้กลไกเศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียน ยิ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ยิ่งสำคัญ เพราะมีสัดส่วนในระบบการผลิตและการจ้างงานสูง รวมถึงยังมีองค์ความรู้และเครือข่ายตลอดห่วงโซ่การผลิต ห่วงโซ่การจำหน่าย ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ทำให้มีศักยภาพในการช่วยเหลือประเทศได้มาก และนอกเหนือกลไกของภาครัฐที่จะทำได้

 

 

ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล ประธานสมาคมตราสารหนี้ไทย กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และอดีตรองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถช่วยเหลือประเทศได้อย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายบริษัทกำลังทำอยู่ คือ

 

  1. ประคองให้ธุรกิจของตนเดินต่อไปโดยไม่หยุดผลิต ไม่เลิกจ้างงาน แม้สถานการณ์จะลำบาก ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศได้มาก เพราะแรงงานของประเทศยังมีงานทำ มีรายได้

 

  1. สนับสนุนความพร้อมด้านการแพทย์ของประเทศ ที่จะต่อสู้กับการระบาด ด้วยการบริจาคเงินหรืออุปกรณ์การแพทย์ หรือปรับไลน์การผลิต โดยใช้กำลังการผลิตที่มีผลิตสินค้าการแพทย์ที่ประเทศขาดแคลน ช่วยคิดนวัตกรรมในการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายบริษัทกำลังทำอยู่ เช่น กลุ่มบุญรอดบริวเวอร์รี่ กลุ่มซีพี กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มไทยเบฟ กลุ่มทีซีพี บทบาทนำของกลุ่มบริษัทใหญ่ในเรื่องเหล่านี้จะทำให้บริษัทอื่น ๆ มีความมั่นใจที่จะเข้ามาร่วมมีบทบาทมากขึ้น

 

  1. ช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้ ด้วยการช่วยบริจาคเงิน อาหาร สิ่งของ กำลังคนและระบบการจัดการให้กับโรงทานของวัดและมูลนิธิต่าง ๆ ที่ทำอาหารแจกผู้คนที่ขาดแคลนเพื่อประทังชีวิต ซึ่งตอนนี้มีความต้องการทั่วประเทศ บริษัทใหญ่สามารถใช้กำลังคนและเครือข่ายที่มีอยู่ช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างง่าย ๆ เพราะเป็นความเดือดร้อนที่คนจำนวนมากในประเทศประสบอยู่ เฉพาะโรงทานที่วัดทั่วประเทศได้ร่วมจัดตั้งขึ้น ตามดำริของสมเด็จพระสังฆราชก็มีกว่า 300 แห่ง บทบาทนำของบริษัทใหญ่ในเรื่องนี้จะทำให้คนในประเทศสบายใจและภูมิใจกับภาคธุรกิจของประเทศ

 

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจ 'ซูเปอร์โพล' ยังระบุว่า ภาคธุรกิจที่โดดเด่นโดนใจในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ในเรื่องผลกระทบจากโควิด-19 ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มซีพี (ร้อยละ 22.4) รองลงมา คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กลุ่มซัมมิท (ร้อยละ 10.0) นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ โรงพยาบาลกรุงเทพและบางกอกแอร์เวย์ (ร้อยละ 9.1) นายศุภชัย เจียรวนนท์ กลุ่มซีพี (ร้อยละ 7.4) และ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ กลุ่มซัมมิท (ร้อยละ 7.1)

 

ผลสำรวจยังสอดคล้องกับความคิดเห็นของภาคส่วนอื่น ๆ เช่น นักวิชาการชั้นแนวหน้าหลายคนว่า รัฐบาลและภาคธุรกิจเอกชน คือองคาพยพสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงต้องร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน ทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง ไม่เพียงเพื่อให้ประเทศฝ่าฟันวิกฤติไปได้ แต่ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคงขึ้น แข็งแรงขึ้น พัฒนาขึ้น พร้อมรับกับความท้าทายใหม่ ๆ ของ New Normal หลังวิกฤติอีกด้วย

 

-----------------------

 

สามเรื่องที่ธุรกิจขนาดใหญ่ช่วยประเทศได้

https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/650061?utm_source=category&utm_medium=internal_referral

 

โพลชี้คนห่วง 'เศรษฐกิจภาพรวม' มากที่สุดจากมาตรการ 'อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ'
https://prachatai.com/journal/2020/04/87387


Khondony