คัด 3 หุ้นเด่นโรงไฟฟ้า
เหมาะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว

.
หลังจากที่กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าจะได้รับข่าวดีจากค่า Ft ที่ปรับตัวขึ้นได้ไม่นาน แต่ล่าสุดนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศค่า Ft สำหรับเรียกเก็บงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 ทั้งประเภทธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ และประเภทบ้านอยู่อาศัยให้ใช้อัตราเดียวกันหรือมาอยู่ที่ 4.7696 บาทต่อหน่วย
.
ทั้งนี้ถือเป็นข่าวดีให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ จะเว้นแต่ก็ผู้ประกอบโรงไฟฟ้าที่ค่า Ft ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนรายได้และผลประกอบการ แต่จะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใดทาง Wealthy Thai จะพาไปชมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญกัน
.
โดยบทวิเคราะห์ของบล.เอเซีย พลัส ให้มุมมองว่า ประเด็นดังกล่าวถือเป็นเซนติเมนต์เชิงลบ โดยรวมต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า จากการคาดหวังว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะได้รับจากการเรียกเก็บในกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม จะอยู่ในระดับสูงกว่าค่า Ft ที่ประกาศออกมา ส่งผลให้รายได้จากการขายไฟฟ้าในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 2/66 คาดจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและอาจกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลดลงในช่วงสั้น
.
แต่อย่างไรก็ตามในแง่ของประมาณการปรับลดของค่า Ft ดังกล่าวคาดจะไม่ได้กระทบต่ออัตรากำไรอย่างมีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากถือเป็นไปตามกลไกของ อัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลงตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติ จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 2/66 จะยังทรงตัวได้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิมกับไตรมาสก่อนหน้า
.
โดยภาพรวมผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกปี 66 ยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงครึ่งปีหลังปี 65 จากค่า Ft ที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกปี 65 มาก จากการเรียกเก็บตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงและการทยอยจ่ายคืนหนี้บางส่วนให้แก่ กฟผ. ส่วนภาพใหญ่รายปี 2566 คาดกำไรปกติจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำหาจังหวะเข้าทยอยสะสมลงทุนระยะยาว สำหรับ BGRIM, GPSC และ GULF
.
ด้าน BGRIM บทวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้มุมมองทั้งปี 66 จะพลิกกลับมากำไรที่ 2,696 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ค่า Ft ที่ 154.92 สตางค์ สำหรับงวด ม.ค.-เม.ย. 2566 และราคาก๊าซธรรมชาติที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงยังมีโรงไฟฟ้าที่จะดำเนินงานเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 280 เมกะวัตต์ในปีนี้ จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 46 บาท
.
ขณะที่ GPSC บทวิเคราะห์ของบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์ต่อตลาด นอกจากนี้ประเมินว่าอัตรากำไรในไตรมาส 2/66 จะฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากราคาขายไฟฟ้าที่ลดลงข้างต้นจะสามารถชดเชยด้วยการปรับตัวลงของต้นทุนเชื้อเพลิง จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 5,687 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 538% พร้อมกับให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 82 บาท
.
สุดท้าย GULF บทวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้คาดการณ์กำไรปี 2566 อยู่ที่ 17,511 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 53.4% เนื่องจากรับรู้กำลังการผลิตของ GSRC ที่ดำเนินงานครบทุกหน่วยการผลิตเต็มปีและมีกำลังการผลิตใหม่ที่จะทยอยดำเนินงานเชิงพาณิชย์(COD)เข้ามาทั้งหมด 4 โครงการ จึงให้คำแนะนำ “ทยอยซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 58 บาท