ห้องเม่าปีกเหล็ก

เช็กด่วน 10 อันดับหุ้นเลือดสาด

โดย poomai
เผยแพร่ :
67 views

เช็กด่วน 10 อันดับหุ้นเลือดสาด จนนักวิเคราะห์หั่นเป้ากำไรมากสุด

ในสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศไทย ส่งผลต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน และเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์ต่างทยอยประคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนลง


ทั้งนี้ทีมข่าว Wealthy Thai ได้สรุปหุ้นที่ค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลงมากสุด 10 อันดับแรก เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลเปรียบเทียบที่แสดงเป็นค่ามัธยฐานของการประมาณการทั้งหมด โดยจะแสดงเฉพาะหุ้นที่มีโบรกเกอร์ส่งการประมาณการเข้ามาตั้งแต่ 3 โบรกเกอร์ขึ้นไป และเป็นข้อมูลประมาณการ ณ วันที่ 19 ก.ค. 64

TRUE โดนหั่นเป้ากำไรมากสุด

โดย TRUE ถือเป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ปรับที่ค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลงมากสุด เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงสูงถึง 74% ทำให้คาดว่าปี 2564 จะมีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 1,119.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 1,048.40  ล้านบาท


มุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด ระบุว่า ประเมิน TRUE จะขาดทุนมากขึ้นที่ 891 ล้านบาท ในไตรมาส 2/64 จากขาดทุนปกติที่ 444 ล้านบาทในไตรมาสแรก แต่ใกล้เคียงกับระดับในไตรมาส 2/63 โดยปัจจัยกดดันเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เป็นผลจากรายได้ลดลงในทุกธุรกิจ และต้นทุนดำเนินงานมีแนวโน้มสูงขึ้นจากเงินลงทุนเครือข่าย


สมมติฐานหลักมีดังนี้ รายได้รวมลดลง 1%เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก  จากราคาเฉลี่ยในธุรกิจหลักลดลงทั้งโทรศัพท์เครื่องที่และฟิกซ์บรอดแบรนด์ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง ตามด้วยต้นทุนดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนเครือข่าย เนื่องจากบริษัทลงทุนใน 5G อย่างต่อเนื่อง และคาดค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกิจกรรมการตลาดลดลง


ทั้งนี้หากผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ ขาดทุนปกติครึ่งปีแรก 64 คิดเป็น 1.3 พันล้านบาทเทียบกับคาดการณ์เต็มปีของเราที่ 4.4 พันล้านบาท จึงคงคาดการณ์ผลประกอบการ เนื่องจากไม่เห็นพัฒนาการของการลดต้นทุนเพื่อหนุนกำไรสุทธิ นอกจากนี้แนวโน้มในไตรมาส 3/64 ยังไม่ดีขึ้นทั้งในแง่การแข่งขันและการประหยัดต้นทุน คงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมายที่ 3.1บาท



RS ติดโผอันดับ 2

ต่อมา RS เป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ปรับที่ค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลงมากสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงสูงถึง 24.7% ทำให้คาดว่าปี 2564 จะมีกำไรสุทธิ 574.3  ล้านบาท แต่ยังมีการเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 528.28  ล้านบาท


มุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า คาด RS จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 93 ล้านบาท ลดลง 15%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 34%จากไตรมาสแรก ซึ่งลดลงเนื่องจากรายได้จากธุรกิจ commerce ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น


โดยคาดรายได้ไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 978 ล้านบาท เติบโต 17%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1%จากไตรมาสแรก แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจ commerce คาดอยู่ที่ 615 ล้านบาท เติบโต 5%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7%จากไตรมาสแรก โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากการพัฒนาระบบ call center และการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง แต่ลดลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ระลอก 3 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยลดลง


สำหรับธุรกิจมีเดียคาดรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 363 ล้านบาท เติบโต 46%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 9%จากไตรมาสแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นการใช้จ่ายสื่อโฆษณาและมีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนท์เพิ่มขึ้นประมาณ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสแรกอยู่ที่ 40 ล้านบาท เราคาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน เชษฐ์ จากการถือหุ้น 35% คาดอยู่ที่ 27 ล้านบาท จากไตรมาสแรกที่รับรู้กำไร 9 ล้านบาท (รับรู้กำไร 1 เดือน)


ทั้งนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 2-3/64 ยังไม่สดใสจากผลกระทบ COVID-19 รุนแรงกว่าคาดส่งผลต่อยอดขายธุรกิจ commerce ลดลง และคาดไตรมาส 4/64 จะเพิ่มขึ้นจากการเตรียมออกสินค้าใหม่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและเครื่องดื่มส่วนผสมกัญชง จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64-65 ลดลงจากคาดเดิม 30% และ 21% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 497 ล้านบาท ลดลง6%จากปี 63 และคาดปี 65 อยู่ที่ 664 ล้านบาท เติบโต 34%จากปี 64 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท



CENTEL โดนหั่นเป็นอันดับ 3

และอันดับ 3 หุ้นที่นักวิเคราะห์ปรับที่ค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลงมากสุด คือ CENTEL โดยปรับลดลงสูงถึง 24.6% ทำให้คาดว่าปี 2564 จะมีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 1,355.2 ล้านบาท แต่ยังถือว่าขาดทุนสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,775.11 ล้านบาท


มุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด ระบุว่า คาด CENTEL จะขาดทุนในไตรมาส 2/64 ที่ 577 ล้านบาท จากอัตราเข้าพักลดลงจากไตรมาสแรก เป็น 12% จากโรงแรมมัลดีฟชะลอตัวจากการติดเชื้อโควิดสูงขึ้นและการฟื้นตัว SSSG จำกัดจากยอดขายลดลงในมิ.ย.


ดังนั้นปรับคาดการณ์กำไรในปี 64 ลงสู่ขาดทุนสุทธิ 2,055ล้านบาท ส่วนปี 65 คาดขาดทุนสุทธิ 405ล้านบาท หลังจากนั้นปี 66 คาดมีกำไร 1,302 ล้านบาท สะท้อนการล็อกดาวน์ (1.5 เดือน) และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอ่อนแอ โดยคาดมาตรการล็อกดาวน์จะผ่อนลงในก.ย. และคาด CENTEL จะไม่ต่อสัญญาเช่าโรงแรมหัวหินในธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 32บาท (+2%) จากการลดงบลงทุนในโรงแรมหัวหิน (+4บาท) มีผลมากกว่าการลดคาดการณ์กำไร (-3.5บาท) คงคำแนะนำ ถือ จากอัพไซด์ที่จำกัด

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai