สรุปประเด็นประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ชาร์ลี มังเกอร์ ตอบคำถามเกี่ยวกับ AI, อีลอน มัสก์, Apple และ ความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา
.
ช่วงที่ผ่านมาแม้ตลาดจะผันผวนและมีเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนจนสร้างความกังวลให้นักลงทุนอยู่ตลอดเวลา แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทโฮลดิงข้ามชาติที่มีมูลค่าทางตลาดถึง 24.2 ล้านล้านบาท ได้ออกมาแสดงความเห็นและตอบคำถามผู้ถือหุ้นอย่างสงบและมั่นคงตามสไตล์ของเขาในงานประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา
.
แต่ภายในความสงบนั้นไม่ได้หมายความว่าบัฟเฟตต์อยู่นิ่งเฉยหรือมองไม่เห็นว่าหนทางข้างหน้านั้นมีความวุ่นวายรออยู่ไม่น้อย อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อาจถูกกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น และธนาคารอาจเผชิญแรงกดดันมากขึ้น แต่ก็บอกว่าเงินฝากนั้นยังคงปลอดภัยอยู่ ในส่วนของเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว เขาคิดว่าน่ากังวลอยู่และรายได้ของธุรกิจของเขาจะลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว
.
อย่างไรก็ตามคุณปู่นักลงทุนในตำนานผู้นี้กลับมองโลกในแง่ดีเรื่องโอกาสของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
.
“ใน 58 ปีที่เราบริหารเบิร์กเชียร์ ผมจะบอกว่าตอนนี้มีคนทำเรื่องโง่ๆ เพิ่มขึ้นมาก และเป็นเรื่องโง่ๆ ขนาดใหญ่ด้วย” ที่เขาพูดก็พยายามจะบอกว่ามันยังมีโอกาสไม่น้อยในการหาเงินในอนาคต
.
นอกจากนั้นแล้วบัฟเฟตต์ยังเชื่อว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงสถานะเป็นสกุลเงินสำรองของโลกต่อไป
.
“เงินดอลลาร์สหรัฐคือสกุลเงินสำรอง ผมไม่เห็นตัวเลือกสกุลเงินอื่นที่จะเป็นสกุลเงินสำรองได้เลย”
.
ชาร์ลี มังเกอร์ วัย 99 ปี มือขวาของบัฟเฟตต์ ก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน เขากล่าวว่าในขณะที่เรา “จะได้เห็นโลกของหุ่นยนต์มากขึ้น” แต่เขาก็ยังคง “ไม่เชื่อคำชวนเชื่อหลาย ๆ อย่างเกี่ยว AI เช่นกัน”
.
ลองมาดูประเด็นสำคัญอื่น ๆ กันบ้าง
.
.
บัฟเฟตต์พูดถึงตัวเลขของเงินสดที่ไหลเวียนอยู่ในระบบแล้วบอกว่ามันน่าสนใจมาก
.
ตอนนี้ “งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 800,000 ล้านเหรียญเป็น 2.2 ล้านล้านเหรียญ… ผมอยากทราบว่าตอนนี้เงินเหล่านั้นอยู่ตรงไหนกัน” เขากล่าว
.
“ใครก็ตามที่คิดว่าเงินสดเป็นขยะควรดูงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ” เขากล่าวเสริม “มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ธนบัตรมูลค่า 100 ดอลลาร์แพร่กระจายไปทั่ว … เชื่อผมเถอะว่าเงินสดไม่ใช่ขยะ”
.
#อีลอนมัสก์ประสบความสำเร็จด้วยการไปสุดขั้ว
.
อีลอน มัสก์ ประสบความสำเร็จด้วยการ “รับงานที่เป็นไปไม่ได้” บัฟเฟตต์ และ มังเกอร์ กล่าว โดยเน้นความแตกต่างของพวกเขากับมัสก์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีว่าไม่เหมือนกันเลย
.
“มัสก์ประเมินตัวเองไว้สูงเกินไป แต่เขาก็มีพรสวรรค์มาก” มังเกอร์กล่าว และบอกต่อว่ามัสก์ “คงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ในชีวิตได้หากไม่พยายามทำเป้าหมายอันสุดโต่ง เขาชอบรับงานที่เป็นไปไม่ได้และลงมือทำมันขึ้นมา” ในทางกลับกัน มังเกอร์กล่าวว่า “ผมกับวอร์เรนมองหางานง่าย ๆ ที่เราเข้าใจได้”
.
บัฟเฟตต์ยืนยันว่าเขาและมังเกอร์ “ไม่ต้องการแข่งขันกับอีลอน”
.
“เราไม่ต้องการความล้มเหลวมากขนาดนั้น” มังเกอร์กล่าว
.
#เราทุกคนควรเขียนคำไว้อาลัยการตายของตัวเองแล้วหาทางทำให้ได้แบบนั้น
.
เหตุผลหนึ่งที่ผู้คนแห่กันไปที่การประชุมประจำปีของเบิร์กเชียร์คือการไปฟังบัฟเฟตต์แชร์หลักคิดในการใช้ชีวิตที่ดีนั่นเอง ซึ่งในวันนี้บัฟเฟตต์ก็บอกได้อย่างชัดเจนว่า
.
“คุณควรเขียนคำไว้อาลัยการตายของตัวเอง จากนั้นพยายามหาวิธีดำเนินชีวิตตามนั้น”
.
มันเป็นการเน้นย้ำแนวคิดว่าเราอยากตายไปโดยทิ้งอะไรไว้ให้คนข้างหลังได้พูดถึง เราก็ควรที่จะใช้ชีวิตในแบบนั้น เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเมตตา โดยกล่าวว่าเขารู้จักคนร่ำรวยหลายคนที่เสียชีวิตโดยไม่มีเพื่อนสักคนเลย
.
เมื่อพูดถึงการลงทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าทำเรื่องผิดพลาดจนสร้างความเสียหายต่อกลยุทธ์การลงทุนของคุณทั้งหมด และเสริมว่าควรหลีกเลี่ยงหนี้ถ้าไม่ใช่
การซื้อบ้าน
.
#เรื่องโทเคนกลายเป็นเงินสำรองของโลกนั้นน่าขัน
.
ศรัทธาในดอลลาร์อาจจะลดลง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นบิตคอยน์จะรุ่งโรจน์ บัฟเฟตต์บอกว่า
.
“ลืมของเล่นพวกนั้นไปเลย มันเป็นเรื่องน่าขันที่จะคิดเรื่องโทเคนทั้งหลาย บ้าบอที่สุด” เมื่อพูดถึงเงินสำรองของโลก “แต่มันก็บ้าบอเช่นกันที่จะพิมพ์เงินออกมาเรื่อย ๆ”
.
เขาตอบเรื่องนี้เมื่อถูกถามเรื่องเทรนด์ของการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯในตลาดโลกและก็เตือนเรื่องการพิมพ์เงินของอเมริกาด้วย
.
“มันง่ายสำหรับอเมริกาจะทำอะไรเยอะ ๆ แต่ถ้าเราทำเยอะเกินไปมันก็ยากที่บอกว่าจะกลับมายังไงเมื่อปล่อยยักษ์จีนี่ออกจากขวดไปแล้ว คนจะสูญเสียศรัทธาในสกุลเงินและจะทำตัวแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อพวกเขารู้สึกว่า … พวกเขากำลังจะมีบางอย่างที่มีกำลังซื้อพอๆ กัน มันเปลี่ยนเศรษฐกิจไปเลย”
.
มังเกอร์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างตรง ๆ เลยว่า “เมื่อถึงจุดหนึ่งการพิมพ์เงินเพื่อซื้อเรือจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี”
.
ถึงกระนั้น บัฟเฟตต์ก็ยังยืนอยู่ข้างดอลลาร์ “เงินดอลลาร์สหรัฐคือสกุลเงินสำรอง ผมไม่เห็นตัวเลือกสกุลเงินอื่นที่จะเป็นสกุลเงินสำรองได้เลย”
.
#ระบบธนาคารอาจจะยังมีปัญหาต่อไปแต่ผู้ฝากเงินไม่จำเป็นต้องกังวล
.
บัฟเฟตต์คาดว่าปัญหาในภาคการธนาคารจะดำเนินต่อไป แต่เขากล่าวว่าผู้ฝากเงินไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเงินฝากของพวกเขาเลย
.
“ที่เบิร์กเชียร์เราเก็บเงินไว้ในทั้งแบบเงินสดและพันธบัตรรัฐบาล” บัฟเฟตต์กล่าว ผู้ฝากเงินสามารถมั่นใจได้ว่าเงินของพวกเขามีความปลอดภัย เมื่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
.
“ข้อความที่ได้รับมันไม่ชัดเจน” เขากล่าว “มันไม่ควรมีที่เข้าใจผิดเรื่องนี้เยอะขนาดนี้ … ว่า FDIC และรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่มีส่วนได้เสียในการที่ธนาคารล้มเหลวและเงินฝากของประชาชนสูญหาย”
.
#Appleเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมมากกว่าทุกอย่างที่เราเป็นเจ้าของ
.
บัฟเฟตต์เคลียร์ข้อสงสัยก่อนเลยว่าตอนนี้ Apple ไม่ได้เป็น 35% ของพอร์ตของเบิร์กเชียร์เหมือนตามที่คนถาม ๆ กันมา แม้เขาจะชอบ Apple มากและตอนนี้เบิร์กเชียร์ก็ถือหุ้น 6% ของบริษัท Apple แล้ว
.
“เกณฑ์ของเราสำหรับ Apple นั้นแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่เราเป็นเจ้าของ — บังเอิญเป็นธุรกิจที่ดีกว่าทุกธุรกิจที่เราเป็นเจ้าของ” บัฟเฟตต์กล่าว
เขาเสริมว่าสถานะของ iPhone ในหมู่ผู้บริโภคเป็น “ผลิตภัณฑ์พิเศษ” ทำให้เขามีความสุขมากที่ได้ถือหุ้นของบริษัทนี้
.
“Apple อยู่ในจุดนี้กับผู้บริโภคที่พวกเขาจ่ายเงิน 1,500 เหรียญหรืออะไรก็ตามสำหรับซื้อโทรศัพท์ และคนกลุ่มเดียวกันยอมจ่ายเงิน 35,000 เหรียญสำหรับรถคันที่สอง และ [ถ้า] พวกเขาต้องเลือกระหว่างเลิกใช้รถคันที่สองหรือเลิกใช้ iPhone พวกเขาก็ยอมทิ้งรถคันที่สอง สำหรับผมมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ธรรมดา เราไม่มีอะไรแบบนั้นที่เราเป็นเจ้าของ 100% แต่เรามีความสุขมากที่ได้ 5.6 หรือกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม”
.
บัฟเฟตต์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขารู้สึกเสียใจที่ได้ขายหุ้นบางส่วนเมื่อไม่กี่ปีก่อน
“ผมทำพลาดเมื่อสองสามปีก่อนที่ขายหุ้นไปบางส่วน ผมมีเหตุผลบางอย่างว่าทำไมกำไรมีประโยชน์ในปีนั้นจากมุมทางภาษี แต่พอได้ยินตัวเองพูดแบบนั้น ก็รู้เลยว่ามันการตัดสินใจที่โง่เขลามาก เราต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีและเราต้องการมีสภาพคล่องที่เพียงพอด้วย และมากไปกว่านั้น ท้องฟ้าก็เป็นขีดจำกัดแล้ว”
.
“ผมอาจจะไม่เข้าใจว่าโทรศัพท์มันทำงานยังไง แต่ผมเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค”
.
#บางทีการกระจายความเสี่ยงกลายเป็นทำให้กระจายความย่ำแย่
.
การกระจายความเสี่ยงกลายเป็นกฎมาตรฐานเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ยืดหยุ่น แต่บางครั้งมันมากเกินไปจนทำให้คนที่ลงทุนไม่ให้ความสนใจอย่างเพียงพอ มังเกอร์กล่าวว่า
.
“สิ่งไร้สาระอย่างหนึ่งที่สอนกันในการศึกษาในมหาวิทยาลัยสมัยใหม่คือการลงทุนในหุ้นสามัญนั้นจำเป็นต้องมีการกระจายความเสี่ยงอย่างมาก นั่นเป็นความคิดที่บ้า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสที่ดี ๆ ที่สามารถระบุได้ง่าย ๆ มากมาย และถ้าคุณมีไอเดียเพียงสามอย่าง ผมก็อยากจะอยู่ในไอเดียที่ดีที่สุดของตัวเองมากกว่าที่แย่ที่สุด”
.
บางคนแยกไม่ออกระหว่างไอเดียที่ดีที่สุดกับไอเดียที่แย่ที่สุด และบ่อยครั้งทำผิดพลาดโดยคิดว่าสิ่งที่ทำคือการลงทุนที่ดีแต่ความจริงแล้วไม่ใช่
.
“เราทำผิดพลาดแบบนั้นน้อยกว่าคนอื่นๆ และนั่นเป็นพระพรสำหรับเรา” เขากล่าว
.
“เราไม่ฉลาดนัก แต่เรารู้ว่าความฉลาดของเราอยู่ตรงไหน” เขากล่าวเสริม “นั่นเป็นส่วนสำคัญมากของปัญญาเชิงปฏิบัติ … หากคุณรู้จักขอบเขตของความสามารถของตัวเองเป็นอย่างดี คุณควรเพิกเฉยต่อแนวคิดของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ผมเรียกมันว่า ‘การกระจายความย่ำแย่’ (‘deworsification’) ของพอร์ตฟอลิโอ”
.
#ความตึงเครียดระหว่างจีนและอเมริกานั้น “งี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า”
.
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นอันตรายต่อทั้งสองประเทศโดยไม่จำเป็น
.
ความขัดแย้งนั้น “งี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า” มังเกอร์กล่าว พร้อมเสริมว่าแต่ละฝ่ายควรตอบสนองต่อความโง่เขลาด้วยความเมตตา เขาเชื่อว่าสหรัฐฯ ควรเข้าร่วมกับจีนและมีการค้าเสรีกับประเทศกำลังพัฒนา
.
“เรากำลังแข่งขัน แต่ควรตัดสินว่าจะดันไปได้ไกลแค่ไหนโดยที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้” บัฟเฟตต์กล่าว
.
#โอกาสในการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามาจากการที่คนอื่นทำ ‘เรื่องโง่ๆ’
.
บัฟเฟตต์กล่าวว่านักลงทุนเน้นคุณค่าได้รับโอกาสเมื่อผู้อื่นตัดสินใจผิดพลาด
“สิ่งที่มอบโอกาสให้คุณคือการที่คนอื่นทำเรื่องโง่ๆ” เขากล่าว
.
ถึงกระนั้นมังเกอร์ก็กล่าวว่านักลงทุนที่เน้นคุณค่าควรทำตัวให้ชินกับการทำงานได้น้อยลงเพราะมีการแข่งขันที่มากขึ้น เพราะ “คนฉลาดพยายามชิงไหวชิงพริบกัน”
.
แต่บัฟเฟตต์บอกว่าคนพวกนั้นพยายามชิงไหวชิงพริบกันในเวทีที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเข้าไป และโลกกำลังให้ความสนใจกับเรื่องระยะสั้นมากเกินไป
.
บัฟเฟตต์กล่าวว่า “ผมอยากเกิดในวันนี้และลองเริ่มด้วยที่ไม่เยอะมาก และหวังว่าจะเปลี่ยนมันให้เป็นเงินจำนวนมากได้ และชาร์ลีก็คงเหมือนกัน”
.
#ปัญญาแบบเดิม ๆ ก็ใช้งานได้ดี
.
ชาร์ลี มังเกอร์ ยังคงแสดงความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) แม้จะยอมรับว่ามันจะเปลี่ยนโฉมหน้าหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วก็ตาม
.
“เราจะเห็นหุ่นยนต์มากขึ้นในโลก” มังเกอร์กล่าว “โดยส่วนตัวแล้วไม่มั่นใจในโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับ AI หลาย ๆ อย่าง คิดว่าปัญญาแบบเดิม ๆ ก็ยังทำงานได้ดีทีเดียว”
.
ส่วนบัฟเฟตต์มองว่า AI จะ “เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในโลก” แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเหนือกว่าความฉลาดของมนุษย์
.
เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของเมืองโอมาฮาสังกัดของ NBC บอกว่า ในขณะที่ AI สามารถช่วยคัดกรองหุ้นภายใต้ตัวแปรบางอย่างได้ แต่นอกเหนือจากนั้นก็มีข้อจำกัด
.
“มันแปลกมาก ๆ ผมไม่คิดว่ามันจะบอกคุณว่าควรซื้อหุ้นอะไร แต่มันสามารถบอกได้ว่าหุ้นทุกตัวที่เข้าเกณฑ์หรือผ่านเกณฑ์ได้ใน 3 วินาที แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง ควรไปดูตอนที่มันพยายามจะเล่าเรื่องตลกนะ”
.
บัฟเฟตต์เล่าถึงประสบการณ์ที่เขาได้ใช้ ChatGPT เมื่อสามเดือนกับ บิล เกตส์ (Bill Gates)
.
“มันน่าสนใจมาก” เขาพูดต่อ “มันสามารถแปลรัฐธรรมนูญเป็นภาษาสเปนได้ในหนึ่งวินาที แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเล่าเรื่องตลกได้ มันอ่านหนังสือมาทุกเล่มและดูทีวีทุกเรื่อง แต่กลับไม่สามารถทำได้ ผมบอกบิลว่าเอากลับมาใหม่ตอนที่ผมสามารถถามมันได้ว่า ‘คุณจะกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังไง?’ ผมอยากรู้ว่ามันพูดว่าอะไร – และดึงปลั๊กออกก่อนที่มันจะลงมือทำ”