2 หุ้นสื่อ ตัวไหนเด็ด! VGI-PLANB พร้อมกินรวบสื่อนอกบ้าน
ก่อนหน้านี้มีข่าวที่เกินความคาดหมายกับการที่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 18.60% คิดเป็นมูลค่า 4,600 ล้านบาท ในบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ทำให้รวบส่วนแบ่งการตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยปรากฏการณ์การร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ VGI ในกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสผลักดันการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากที่เคยเป็นคู่แข่งกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา
โดยล่าสุดภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค.2563 พบว่า VGI ถือหุ้น PLANB เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 18.86% เป็นอันดับ 2 ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน PLANB ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นนายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 25.09% ในขณะเดียวกัน PLANB ยังถือหุ้น MACO ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VGI ในสัดส่วน 19.96% และเป็นอันดับ 3 ของผู้ถือหุ้นใหญ่ MACO (ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 20 มี.ค.2563)
เมื่อเข้าไปสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท พบบว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย.63 นั้น PLANB ราคาหุ้นปรับลดลง 44.74% มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่ระดับ 16,306.79 ล้านบาท และมี P/E ที่ระดับ 21.94 เท่า ส่วน VGI ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 27.75% มีมาร์เก็ตแคปที่ระดับ 59,417.04 ล้านบาท และมี P/E ที่ระดับ 44.67 เท่า
แม้ทั้ง 2 บริษัทจะครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากเท่าไหร่ แต่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ย่อมส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 บริษัท เนื่องจาก COVID-19 ส่งผลกระทบกับเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง จากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว และยังมีผลทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจใช้สื่อด้วย จึงส่งผลต่ออัตราการใช้สื่อมีโอกาสชะลอตัวลง ดังนั้นจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ยังคงกดดันทั้ง 2 บริษัทอย่างสิ้นเชิง
VGI งวดปี 62/63 กำไรสุทธิยังโต
แต่ล่าสุด สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อ VGI โดยคาดผลประกอบการปี 2564/65 (เม.ย.2564-มี.ค.2565) จะเติบโตได้หลังสถานการณ์ดีขึ้น และจากโครงสร้างธุรกิจที่มีแพลตฟอร์มที่หลากหลาย รวมถึงการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากการขยายเส้นทางของ BTS และการร่วมทุนกับ PLANB, MACO, Kerry TH ที่จะสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้น จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 8.60 บาท จากเดิม 10.70 บาท โดยฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งคาด Net D/E ปี 2562/2563 อยู่ที่ 0.4 เท่า
โดยอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา (ณ 6 มีนาคม 63) คาดภาพรวมสื่อโฆษณาปี 2563 ลดลง 4.4% จากปีก่อน หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 116,796 ล้านบาท จากการคาดบนสมมติฐานผลกระทบ COVID-19 ที่จะกระทบในช่วงไตรมาส 1-2 และคาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 3/2563 โดยคาดภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาจะคาดตัวเลขการใช้จ่ายสื่อโฆษณาลดลงมากกว่าเดิม หลังจากภาครัฐฯ ได้ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน (26 มี.ค.63) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมสื่อโฆษณาลดลงเช่นกัน
VGI ไตรมาส 4 โควิดยังไม่กระทบ
สำหรับ VGI ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2562/63 (ม.ค.-มี.ค.63) ยังไม่กระทบมาก เนื่องจากการทำสัญญาขายสื่อโฆษณาล่วงหน้าแล้ว แต่คาดผลกระทบจะเริ่มเห็นชัดใน 2 ไตรมาสถัดไป ในไตรมาส 1-2 ปี 2563/64 (เม.ย.-ก.ย.) และคาดจะเริ่มฟื้นตัวปลายปีนี้หลังจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว
ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2562/2563 (เม.ย. 2562-มี.ค.2563) อยู่ที่ 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากงวดปีก่อน เนื่องจากรายได้ทุกกลุ่มที่เพิ่มขึ้น และคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2563/64 (ม.ค.-มี.ค.63) อยู่ที่ 289 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 28% จากไตรมาสก่อนโดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสื่อโฆษณาในส่วน BTS ที่เพิ่มขึ้น และขยายสื่อโฆษณา VGI digital lab มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง low season
ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิรอบงบปี 2563/64 และรอบงบปี 2564/65 ลดลงจากคาดเดิม 55% และ 17% ตามลำดับโดยคาดกำไรสุทธิปี 2563/64 อยู่ที่ 714 ล้านบาท ลดลง 47% จากปีก่อน จากการคาดผลกระทบ COVID-19 และคาดปี 2564/65 จะเพิ่มขึ้น 105% จากการคาดสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น ส่งผลคาดการใช้จ่ายสื่อโฆษณาจะเพิ่มขึ้น หลังจากผู้ประกอบการจะเร่งกระตุ้นยอดขายในชวงสถานการณ์ที่เริ่มฟื้นตัว
ปี 63 ไม่ใช่ปีของ PLANB
ทางด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังชอบแผนการพัฒนาป้ายสื่อร่วมกับ Telco ซึ่งจะช่วยทำให้สื่อ OOH ของ PLANB สามารถวัดผลจำนวนคนดูได้ชัดเจน ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยเชื่อว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสื่อของ PLANB ในอนาคต
สำหรับเป้ารายได้ปี 2563 ที่บริษัทคาดว่าจะโต 20-30% นั้น ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่าบริษัทต้องปรับเป้ารายได้ลงอย่างแน่นอน จากผลกระทบของ COVID-19 การเลื่อนโอลิมปิกและไทยลีกที่มีโอกาสเลื่อนถึง ส.ค. 2563 (เดิมถึง เม.ย.2563) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการรายได้ลงไปก่อนหน้า
โดยประเมินรายได้ปี 2563 อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 529 ล้านบาท ลดลง 29% จากปีก่อนโดยได้รวมผลกระทบจาก COVID-19 ถึงไตรมาส 2/2563 การเลื่อน Olympics ไปเป็นปี 2564 การเลื่อนฟุตบอลไทยลีก ถึง 18 เม.ย. และการงดจัดกิจกรรมของ Engagement marketing ถึงไตรมาส 2/2563ไปแล้ว
ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่า Downside ของประมาณการจำกัด ซึ่งหากไทยลีกเลื่อนการแข่งขันเป็น ส.ค.2563 จะส่งผลให้รายได้ของ PLANB ลดลง 55 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลงที่ 36 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมการเลื่อนไทยลีกถึง ส.ค. ในประมาณการ
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PLANB ที่ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท โดยมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างน่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าปี 2563 ยังไม่ใช่ปีที่ดีของ PLANB เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่คาดว่าผลประกอบการ PLANB จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2564 โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 863 ล้านบาท เติบโต 63% จากปี 2563
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก