หุ้นโลกจะเป็นอย่างไร? 4 สิ่งที่ต้องจับตามองในปี 2021
ที่ Franklin Templeton นั้น เรามีทีมการลงทุนกระจายอยู่ทั่วโลก แต่ละคนก็มีวิธีแนวทางที่ต่างกันไปก็จริง ถึงอย่างนั้น หากหนึ่งปีก่อนหน้านั้นมีใครถามว่าเราคาดการณ์อนาคตอย่างไร ก็คงไม่มีใครคาดว่าโควิด-19 จะมาเป็นตัวสร้างความผันผวนให้กับตลาดในช่วงต้นปี 2020 เป็นแน่ หรือแม้กระทั่งว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวเร็วมาก และสามารถแตะจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ในอีกหนึ่งปีต่อมา
คำถามต่อไปคือ แล้วจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะ? แม้ว่าตอนนี้ตลาดหุ้นจะสดใส แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าโรคระบาดก็ยังคงอยู่ และประชากรอีกจำนวนมากที่ยังรอคอยวัคซีนอยู่ นี่จึงเป็นตัวสร้างแรงกดดันในแง่ของสุขอนามัยโลก และระบบเศรษฐกิจโดยรวม
บทความนี้เราจะขอมาแชร์ 4 อย่างที่เรากำลังจับตามอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
1. การกลับสู่ความปกติ (The Return to Normal)
มูลค่าของหุ้นโลกนั้นดูเหมือนว่าจะสะท้อนข้อสันนิษฐานที่ว่าหลาย ๆ ภูมิภาคของโลกจะกลับมาเปิดประเทศในปีนี้ และการเติบโตของ GDP จะกลับมาฟื้นตัวเมื่อการบริโภคกลับมาดีขึ้น จากการวิเคราะห์ของเรา เราเห็นว่ามีความต้องการบริโภคที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า (Pent-Up Demand) สูงในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีจำนวนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมหาศาลในระบบการเงิน
ถึงอย่างนั้น เราก็เชื่อว่าการมาถึงของวัคซีนจะเป็นตัวกำหนดอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าการแจกจ่ายวัคซีนจะช้ากว่า และมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เราหวังไว้ก็ตาม แต่เราก็ยังเชื่อว่าผลลัพธ์และประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
2. มูลค่าของหุ้น (Equity Valuations)
คำถามที่นักลงทุนทั่วโลกถามเราคือ “ตลาดหุ้นแพงไปหรือยัง?” โดยรวมแล้ว เรายังเชื่อว่า P/E ของหุ้นโลกนั้นยังสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับในอดีตและเทียบกับสินทรัพย์อย่างตราสารหนี้ ดังที่แสดงในภาพด้านล่าง
ในฐานะนักลงทุนมืออาชีพ พวกเราดูหลาย ๆ ปัจจัยเพื่อตัดสินว่าราคาหุ้นนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ อาทิเช่น การเติบโตของกำไรในปัจจุบันและอนาคต ค่า P/E อัตราปันผล อัตราแลกเปลี่ยน และจำนวนหุ้น ขอยกตัวอย่างเป็นการเติบโตของกำไร เราจะเห็นได้ว่ามีการคาดการณ์ว่ากำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ สำหรับหลาย ๆ บริษัทที่อยู่ในประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำว่าอย่าปักใจเชื่อการคาดการณ์เหล่านี้มากเกินไปจนกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดอีกครั้ง และกำไรของบริษัทฟื้นตัวดีขึ้นจริง ๆ นี่คือหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเราถึงคิดว่าค่า P/E ยังเป็นตัวบ่งชี้มูลค่าหุ้นที่ไม่ค่อยดีนักในสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย
3. มาตรการกระตุ้น (Stimulus)
มาตรการกระตุ้นทั้งด้านการเงินและการคลังคือหนึ่งตัวการสำคัญของสภาพคล่องที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นมากทั่วโลก ถึงอย่างนั้น เงินกระตุ้นเหล่านี้กลับไหลไปอยู่ในบัญชีเงินฝากและตลาดหุ้นแทนที่จะเป็นการบริโภค
ดังนั้น เราจึงคิดว่ามาตรการกระตุ้นน่าจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการเติบโตของ GDP ของหลาย ๆ ภูมิภาค ถ้ามาตรการกระตุ้นส่งผลให้เศรษฐกิจร้อนแรงได้จริงตอนที่กลับมาเปิดประเทศ เราเชื่อว่านี่จะเป็นผลดีกับหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ซึ่งได้ประโยชน์จากการผลิตและส่งออกวัสดุกับโภคภัณฑ์
อีกหนึ่งผลข้างเคียงของมาตรการกระตุ้นก็คือ บริษัทต่าง ๆ มีการนำเงินสดที่เพิ่มขึ้นใน Balance Sheet ไปซื้อหุ้นคืน จนทำให้ปริมาณของหุ้นลดลง ในขณะที่ความต้องการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น
4. ตลาดหุ้น ธีมไหนดี? (Global and Value Markets)
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อหุ้นโลกของเราจะดูสดใส แต่นักลงทุนก็ควรเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่ตลาดกลับมาสมดุลมากขึ้น ตอนนี้เราเริ่มเห็นกระแสการเปลี่ยนจากหุ้นเติบโตของสหรัฐฯ (ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงปีที่ผ่านมา) ไปสู่หุ้นคุณค่า รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์หากเศรษฐกิจโลกกลับมาปกติดังเดิม
นอกเหนือไปจากนี้ เราคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นต่างประเทศ ดังที่โชว์ในภาพด้านล่าง เราค่อนข้างชอบตลาดหุ้นเกิดใหม่ ที่ซึ่งดัชนีเริ่มจะสะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ในญี่ปุ่นเองนั้น บริษัทต่าง ๆ ก็เริ่มจัดการ Balance Sheet ของตนเองแล้ว
สุดท้ายแล้ว นักลงทุนอาจจะลองเสาะหาโอกาสใน “ธุรกิจสีเขียว” ดูได้เช่นกัน เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนเงินจำนวนมากขึ้นเข้าไปในกลุ่มพลังงานสะอาด และสถาบันต่าง ๆ ก็เริ่มจริงจังกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศมากขึ้น อย่างไรก็ดี เราคิดว่าเหล่า “ธุรกิจสีเขียว” นั้นก็ต้องพิสูจน์การสร้างกำไรให้ได้เช่นกัน
เนื้อหาต้นฉบับโดย Stephen Dover
Chief Market Strategist and Head of Franklin Templeton Investment Institute
เรียบเรียงโดย FINNOMENA Admin
ข้อสงวนสิทธิ์
แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ
แหล่งข้อมูล
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก