สรุปงบกลุ่มร้านอาหาร 2Q25
บางตัวดี… บางตัวหนัก กำลังซื้อแผ่ว กำไรไม่กระจาย
ไตรมาส 2/2568 ยังคงไม่ง่ายสำหรับอุตสาหกรรมร้านอาหารในไทย
แม้จะเข้าสู่ช่วง High Season ของท่องเที่ยวบางส่วน
แต่เศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้บริโภค ลดการใช้จ่ายต่อหัว
ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของหลายแบรนด์ ยังติดลบต่อเนื่อง
อีกด้านหนึ่ง ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าเช่า และค่าแรง ยังทรงตัวในระดับสูง
หลายบริษัทจึงเจอแรงกดดันสองทาง ทั้งด้านรายได้และมาร์จิ้น
แต่…ไม่ใช่ทุกคนที่แย่
ยังมีบางบริษัทที่
คุมต้นทุนได้ดี
ขยายสาขาได้ตรงจังหวะ
หรือมีรายได้ใหม่เข้ามาหนุนกำไร
ขณะที่บางรายเริ่ม “ปรับพอร์ตสินค้า” ไปสู่ช่องทางใหม่ เช่น C-Store หรือ B2B
เพื่อชดเชยยอดขายหน้าร้านที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่
ภาพรวมกำไรกลุ่มร้านอาหารจึงแตกต่างกันอย่างชัดเจน
และนี่คือบทวิเคราะห์แบบรายตัวที่สรุปมาให้ครบทั้ง 6 แบรนด์หลัก
….

AU – รายได้โตแต่ SSSG ดิ่ง กำไรอ่อนแรง
กำไรสุทธิไตรมาสนี้อยู่ที่ 52 ล้านบาท ลดลง 28% เทียบกับปีก่อน และ 20% เทียบกับไตรมาสก่อน ต่ำกว่าคาดราว 11% โดย SSSG ของร้านขนมอยู่ที่ -21% จากกำลังซื้อในประเทศที่ยังซบเซา
รายได้รวมเติบโต 3% จากยอดขายสินค้าคงคลังและวัตถุดิบให้ร้านสะดวกซื้อที่พุ่งถึง 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นแรงหนุนหลักแทนยอดขายหน้าร้าน
อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นและสุทธิลดลงต่อเนื่องจากมิกซ์สินค้าที่เปลี่ยนไป ทำให้กำไรโดยรวมยังอ่อน
บริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม C-Store อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจชดเชยยอดขายหน้าร้านได้บางส่วน
คำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 7 บาท ปัจจุบันเทรดที่ P/E 20 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
….
M – โปรบุฟเฟต์ช่วยพยุงรายได้ แต่ราคาหุ้นสะท้อนไปแล้ว
กำไรไตรมาสนี้อยู่ที่ 276 ล้านบาท ลดลง 31% จากปีก่อน แต่ดีขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากโปรบุฟเฟต์ MK ที่ช่วยพยุง SSSG ให้กลับมาดีขึ้นจาก -11% เหลือ -6.7%
แม้จะกระตุ้นยอดขายได้ แต่โปรแรงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 65.2% ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบก็ยังสูง
แบรนด์ใหม่อย่าง Bonus Suki เริ่มขยายตัวมากขึ้น และอาจมีบทบาทเพิ่มในปี 2026 เป็นต้นไป
คำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 16 บาท ปัจจุบันเทรดที่ P/E 28.8 เท่า ซึ่งสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปพอสมควรแล้ว
….
OKJ – ขยายไวแต่ SSSG ดรอป กำไรต่ำกว่าคาด
กำไรสุทธิอยู่ที่ 24 ล้านบาท ลดลงถึง 60% เทียบกับปีก่อน แม้รายได้รวมจะโตถึง 21% จากการขยายสาขาอย่างรวดเร็วเป็น 69 สาขา
SSSG ติดลบถึง -22% จากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนสูงจากสาขาใหม่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 43.8%
จุดบวกคือ SSSG เริ่มฟื้นในเดือนกรกฎาคม และบริษัทเริ่มส่งสินค้าให้การบินไทย คาดว่ารายได้ B2B จะทยอยเข้ามาในครึ่งหลังของปี
คำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท ปัจจุบันเทรดที่ P/E 19.5 เท่า ถือว่าเริ่มแพงเมื่อเทียบกับคุณภาพกำไรที่ยังไม่ฟื้นชัด
….
ZEN – คุมต้นทุนดี รายได้ทรงตัว SSSG เริ่มฟื้น
กำไรหลักอยู่ที่ 11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ จากรายได้ที่ยังทรงตัวบริเวณ 1,000 ล้านบาท
SSSG ฟื้นจาก -10% ในไตรมาสแรกมาอยู่ที่ -3% ได้แรงหนุนจากการปรับราคาสินค้า โดยเฉพาะแบรนด์ AKA
ต้นทุนยังควบคุมได้ดี ขณะที่ SG&A ต่อรายได้ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนวินัยในการบริหารค่าใช้จ่าย
ครึ่งหลังของปีคาดรายได้จากธุรกิจ B2B จะทยอยเข้ามา ทั้งจากฐานลูกค้าโรงแรม สายการบิน และโรงงาน King Marine Food
คำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท ปัจจุบันเทรดที่ P/E 33 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มค่อนข้างมาก
….
MAGURO – เด่นสุดของกลุ่มทั้งแนวโน้มและ Valuation
Krungsri ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 21.50 บาท จาก 18.50 บาท หลังปรับประมาณการกำไรปี 2025–2027F ขึ้น
ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี พร้อมขยายสาขาจาก 38 เป็น 53 สาขาภายในสิ้นปี และเปิดเพิ่มอีก 15 สาขาในปีหน้า รวมถึงแบรนด์ใหม่อย่าง Bincho (เปิด ก.ค.) และ Kiwamiya (เปิด ก.ย.)
อัตรากำไรปรับขึ้นจากมิกซ์แบรนด์ที่ดีขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยคาด GPM ปีนี้อยู่ที่ 48% สูงขึ้นจากปีก่อน
SSSG เริ่มฟื้นในเดือนกรกฎาคม ขณะที่สถานะการเงินยังแข็งแรง มีเงินสดรองรับแผนขยายธุรกิจระยะยาวได้ต่อเนื่อง
คำแนะนำ Buy เทรดที่ P/E 17 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 20 เท่า แต่มีการเติบโตเด่นชัดกว่า
….
SNP – ผลประกอบการอ่อนลง แต่พัฒนาองค์กรเชิงรุก
รายได้ไตรมาสนี้ลดลง 9% YoY อยู่ที่ 1,323 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 59% เหลือ 36 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าเช่าที่สูงขึ้น และค่าเสื่อมราคา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง Shio Pan ที่ขายไปแล้วกว่า 9 แสนชิ้น และขยายจุดขาย Fresh Bake เกินเป้าแล้ว 101 จุด
มีการร่วมมือกับ Nutella เปิดแบรนด์ใหม่ Platapian ในอังกฤษ และเริ่มขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศ รวมถึงดำเนินการ Lean เพื่อลดต้นทุนในโรงงาน
ด้าน ESG บริษัทยังคงได้การรับรอง CAC รอบที่ 3 พร้อมเดินหน้ารณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันต่อเนื่อง
….
บทสรุปและมุมมองการลงทุน
MAGURO ถือว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ทั้งในแง่ของแนวโน้มการเติบโต การบริหารต้นทุน และระดับ P/E ที่ต่ำกว่ากลุ่ม ขณะที่แบรนด์อื่นยังเป็นลักษณะ Selective Play ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของกำลังซื้อและการบริหารต้นทุน
AU เริ่มขยับเข้า C-Store มากขึ้น แม้ SSSG ยังติดลบ แต่มีลุ้นจากสินค้าใหม่
M ได้อานิสงส์จากโปรโมชัน แต่ราคาหุ้นวิ่งมาก่อนแล้ว
OKJ อยู่ในช่วงลงทุน สาขาใหม่กดกำไร แต่เริ่มมีรายได้ B2B
ZEN คุมต้นทุนดี รายได้ทรงตัว SSSG ฟื้นบางส่วน แต่ P/E ยังตึง
SNP แม้กำไรลด แต่เห็นความพยายามเชิงกลยุทธ์และการปรับตัวเชิง ESG ที่น่าสนใจ
…..
บทสรุปท้ายบทความ
ผลประกอบการ 2Q25 สะท้อนให้เห็นถึง “ความเปราะบางเชิงกำลังซื้อ” ที่ยังไม่ผ่านจุดต่ำสุดในกลุ่มร้านอาหาร
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มเห็น “การแตกขั้วของกำไร” ชัดเจนขึ้นระหว่าง
– แบรนด์ที่มีแผนขยายชัด กำไรโตจริง และ Valuation ยังไม่ตึง
– กับแบรนด์ที่รายได้ทรงตัว กำไรหด และต้นทุนเริ่มกดดัน
ในภาวะตลาดแบบนี้ การ “เลือกหุ้นให้ถูกตัว” อาจสำคัญกว่าการถือทั้งกลุ่ม
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่แข่งขันสูง และผู้บริโภคใช้จ่ายแบบ selective มากขึ้น
MAGURO คือหุ้นที่แสดงภาพชัดของ “การเติบโตในภาวะที่คนอื่นชะลอ”
ส่วนรายอื่นยังต้องติดตามรายไตรมาสต่อไป ว่าใครจะเริ่ม Turn มาได้ก่อน
ที่มา. หุ้นพอร์ทระเบิด