DRT ชูจุดแข็งปันผลต่อเนื่อง
เดินหน้ารุกตลาดคอนโด- ออฟฟิศ
หวังช่วยหนุนรายได้ปี 66 เติบโต 5%

.
DRT ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 5% จากปีก่อน พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 25-27% มองตลาดต่างประเทศฟื้นตัว ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 15% รุกขยายฐานลูกค้าที่อยู่อาศัยแนวสูง พร้อมปรับโฉม Diamond Cafe เจาะตลาด Co-Working Space
.
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,250.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 625.61 ล้านบาท สอดคล้องทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 90% เพื่อสนับสนุนการทำตลาด โดยจะร่วมมือกับคู่ค้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในทุกช่องทางการจำหน่ายเพื่อขับเคลื่อนแผนงานให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
.
สำหรับตลาดต่างประเทศ คาดว่าปีนี้จะกลับมาขยายตัวได้ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางระหว่างประเทศที่กลับมาตามปกติ โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15% จากปีก่อนที่ 13% ขณะที่กลุ่มลูกค้าโครงการก็มีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องตามการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น
.
ส่วนแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานนนี้ในปี 66 ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจกระทบกับสินค้าบางกลุ่ม เช่น คอนกรีตที่ต้องใช้ถ่านหินเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงจัดหาวัตถุดิบทดแทนเข้ามาใช้ในการผลิต ควบคู่ไปกับปรับราคาขายสินค้าบางรายการ ดังนั้นจึงคาดว่าจะสามารถบริหารจัดการให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ระดับ 25-27% จากสิ้นปีก่อนที่ 26.8%
.
ด้านกลยุทธ์การเติบโต บริษัทจะมุ่งต่อยอดข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความหลากหลายผลิตภัณฑ์สามารถก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ทั้งระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนังอิฐมวลเบา เพื่อต่อยอดขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือประเภทคอนโดมิเนียม ผ่านการนำเสนอโชลูชันนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่
.
รวมถึงปรับโฉม Diamond cafe ขยายฐานตลาดจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไปที่ต้องการก่อสร้างออฟฟิศสำนักงาน หรือ Co-Working Space ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของ ‘ตราเพชร’ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ทั้งระยะเวลาการก่อสร้างและงบประมาณที่มีความเหมาะสม
.
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้นต่อเนื่องภายใต้งบลงทุน 200 ล้านบาท โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของไลน์การผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตและอิฐมวลเบา รวมถึงดำเนินโครงการเพื่อยกระดับโรงงานไปสู่ Smart Factory อย่างต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้จากการใช้ระบบ Automation และ IoT เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่การบริหารจัดการด้านทรัพยากรและพลังงานหมุนเวียน ภายใต้แนวคิด Circular Economy ช่วยบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านต้นทุนพลังงาน ส่วนความคืบหน้าการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 100,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรและผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567
.
นายสาธิต กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีสภาพคล่องและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำเพียง0.57 เท่า ทำให้ยังสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในระดับสูงได้ต่อเนื่อง โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2565 ในอัตรา 0.26 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) คือ 3 มี.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พ.ค. นี้
.
ดังนั้นเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดครึ่งปีแรก 2565 ในอัตรา 0.24 บาทต่อหุ้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตรารวมทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นอัตราการจ่ายปันผลต่อปีสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ตอกย้ำว่า DRT เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ