ศาลรธน.มีมติรับคำร้องไว้พิจารณากรณีหน.พรรค-เลขาฯ-กก.บห.อนาคตใหม่ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองหรือไม่
ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 17:38:36 น.
ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมพิจารณากรณีที่นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 2, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) เห็นว่า ผู้ร้องได้ใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสองแล้ว แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 4 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลรธน. นัดฟังคำวินิจฉัย 4 อดีตรมต.ถือหุ้นสัมปทานรัฐ 27 ส.ค. เวลา 14.00 น.
ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 17:26:37 น.
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ว่า ความป็นรัฐมนตรีของม.ร.ว.ปนัดดา ดิศกุล อดีตรมช.ศึกษาธิการ , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ,นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรมช.คมนาคม และนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรมว.ศึกษาธิการ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ในวันที่ 27 ส.ค. 2562 เวลา 14.00 น. เนื่องจากเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทำการไต่สวนตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และหากคู่กรณีประสงค์จะยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดพุ่ง 11.66 จุด ขานรับเฟดส่งสัญญาณเร่งปรับลดดบ.-"ฟิทช์"ปรับมุมมองไทยเป็น"Positive" /สัปดาห์หน้าลุ้นไปต่อ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 17:21:27 น.
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,735.10 จุด เพิ่มขึ้น 11.66 จุด (+0.68%) มูลค่าการซื้อขาย 61,925.48 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,738.70 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,732.16 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 1,026 หลักทรัพย์ ลดลง 559 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 401 หลักทรัพย์
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่บวกเฉลี่ย 0.7% ตอบรับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณการเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย และ"ฟิทช์ เรทติ้งส์" ยังได้ปรับมุมมองประเทศไทยจาก จาก "Stable" เป็น "Positive"
อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าคงจะมีการเล่นเก็งกำไรตามความคาดหวังนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด ซึ่งเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ โดยปกติก็มักจะมีการเล่นเก็งกำไรกันก่อน 2 สัปดาห์ก่อนการประชุม นอกจากนี้ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ก็ให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ด้วย ส่วนบ้านเราก็ให้ติดตามนโยบายของภาครัฐฯ จากความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะปรับตัวขึ้น โดยมีแนวรับ 1,720 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750-1,767 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCBS กระแสข่าวภาคบ่าย
????สภาผู้แทนฯสหรัฐ ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรายชม.7 ระยะ สู่ 15 ดอลลาร์/ชม.
????เฟดนิวยอร์กแจงถ้อยแถลงจอห์น วิลเลียมส์ เป็นความเห็นเชิงวิชาการ ไม่ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเดือนนี้
????รัฐมนตรีเกาหลีใต้ชี้ข้อพิพาทกับญี่ปุ่นอาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
????ฟิทช์ทบทวนแนวโน้มเครดิตไทยจากมีเสถียรภาพสู่เชิงบวก ส่วนอันดับเรตติ้งคงเดิมที่ BBB+
????งบปี 63 ไม่ทันใช้ 1 ต.ค. 'ชวน'จ่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เริ่มถกพ.ร.บ.งบฯ 18 ก.ย.
ชื่อบริษัท | ชื่อผู้บริหาร | ความสัมพันธ์ * | ประเภทหลักทรัพย์ | วันที่ได้มา/จำหน่าย | จำนวน | ราคา | วิธีการได้มา/จำหน่าย | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) บมจ.(DCC) | นางสาว คัทลียา แสงศาสตรา | ผู้รายงาน | ใบแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่โอนเปลี่ยนมือได้ | 18/07/2562 | 23,400,000 | - | ขาย | Link |
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท .(AIMCG) | นาย จรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ | ผู้รายงาน | หน่วยทรัสต์ | 19/07/2562 | 15,000 | 9.90 | ซื้อ | Link |
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บมจ.(THG) | นาย ขจร ธนะแพสย์ | ผู้รายงาน | หุ้นสามัญ | 17/07/2562 | 156,100 | 23.55 | ซื้อ | Link |
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บมจ.(THG) | นาย บุญ วนาสิน | คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นาง จารุวรรณ วนาสิน) | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 181,600 | 23.70 | ซื้อ | Link |
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บมจ.(THG) | นาย บุญ วนาสิน | คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นาง จารุวรรณ วนาสิน) | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 160,500 | 23.80 | ซื้อ | Link |
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บมจ.(THG) | นาย บุญ วนาสิน | คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นาง จารุวรรณ วนาสิน) | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 157,900 | 23.90 | ซื้อ | Link |
บ้านปู จำกัด (มหาชน) บมจ.(BANPU) | นาย องอาจ เอื้ออภิญญกุล | ผู้รายงาน | สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหรือผลตอบแทนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (Single Stock Future) ที่มีการซื้อขายใน TFEX | 18/07/2562 | 2,200 | 14.50 | ขาย | Link |
ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(PRAKIT) | นาย อภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์ | คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นางศุภาวีร์ อภิสารธนรักษ์) | หุ้นสามัญ | 19/07/2562 | 10,000 | 11.50 | ซื้อ | Link |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) บมจ.(CCP) | นาง ชลธิชา ทีปกรสุขเกษม | ผู้รายงาน | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 200,000 | 0.37 | ซื้อ | Link |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) บมจ.(CCP) | นาย ประทีป ทีปกรสุขเกษม | คู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา (นาง ชลธิชา ทีปกรสุขเกษม) | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 200,000 | 0.37 | ซื้อ | Link |
อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) บมจ.(AU) | นางสาว อุไรวรรณ สมานวงศ์ | ผู้รายงาน | หุ้นสามัญ | 11/07/2562 | 38,700 | 16.50 | ขาย | Link |
อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(IHL) | นาย องอาจ ดำรงสกุลวงษ์ | ผู้รายงาน | หุ้นสามัญ | 18/07/2562 | 500,000 | 4.73 | ซื้อ | Link |
ฟิตช์ เรทติ้ง'ปรับมุมมองตราสารหนี้ระยะยาว'บวก'
กระทรวงการคลัง รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings (Fitch) ว่า ในวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 Fitch ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในการออกตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศและสกุลเงินบาทระยะยาวจาก
ระดับ“มีเสถียรภาพ (Stable outlook)” เป็น “เชิงบวก (Positive outlook)” และคงอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในการออกตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศและสกุลเงินบาทระยะยาวที่ระดับ BBB+ ตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศและสกุลเงินบาทระยะสั้นที่ระดับ F1 และเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (Country Ceiling) ที่ระดับ A-
(1) ประเทศไทยได้รับการปรับมุมมองความน่าเชื่อถือ เป็นผลมาจากปัจจัยหลักกล่าวคือ Fitch มีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นว่าความเสี่ยงทางการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารเศรษฐกิจมหภาค โดยสะท้อนจากความเข้มแข็งทางการเงินภาคต่างประเทศ (External Finance) และภาค
การคลังสาธารณะ (Public Finance) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ประเทศไม่อ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเงิน ในขณะที่ปัญหาทางการเมืองที่สำคัญได้รับการแก้ไขภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ระดับความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงมีอยู่โดยขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาลผสม
(2) ความเข้มแข็งทางการเงินภาคต่างประเทศของไทยเป็นจุดแข็งหลักต่อความน่าเชื่อถือของประเทศสะท้อนได้จากการที่สกุลเงินบาทไทยแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าร้อยละ 4.5 เนื่องจากการไหลเข้าของเงินทุนและการลงทุนในตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเดือนมิถุนายน 2562
(3) Fitch คาดการณ์ว่าภาคการเงินต่างประเทศของไทยจะยังคงเข้มแข็ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP จะยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเดียวกัน (กลุ่ม BBB) ที่ร้อยละ 5.6 ในปี 2562 และร้อยละ 4.9 ในปี 2563 ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวและการเกินดุลการค้า แม้ว่าการส่งออกจะชะลอตัวลงก็ตาม อย่างไรก็ดี Fitch คาดการณ์ว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประกอบกับเงินทุนที่ไหลเข้ามานั้นส่งผลให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 205,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 เป็นประมาณ 216,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 นอกจากนี้ สัดส่วนการเป็นเจ้าหนี้สุทธิกับต่างประเทศต่อ GDP ที่ร้อยละ 43 ในปี 2562 สูงกว่าค่ากลางสัดส่วนการเป็นลูกหนี้สุทธิต่อ GDP ของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเดียวกัน (กลุ่ม BBB) ที่ร้อยละ 7 ตามประมาณการของ Fitch รวมถึงสูงกว่าค่ากลางสัดส่วนการเป็นเจ้าหนี้สุทธิของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A ที่ร้อยละ 9.7
(4) รัฐบาลบริหารทางการคลังได้อย่างเข้มแข็งภายใต้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 Fitch คาดการณ์ว่าสัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP (General Government Debt to GDP) จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.3 ในปีงบประมาณ 2561 เป็นร้อยละ 40.7 ในปีงบประมาณ 2566 เนื่องจากรัฐบาล
เร่งการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
(5) การขาดดุลงบประมาณของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเดียวกันแล้วถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดย Fitch คาดการณ์ว่าการขาดดุลภาครัฐบาล (General government deficit) ตามมาตรฐาน Government Finance Statistics (GFS) จากที่เกินดุลที่ร้อยละ 0.1 ของ GDP ในปลายปีงบประมาณ 2561 เป็นขาดดุลที่ร้อยละ 0.2 ของ GDP ในปี 2562 ในขณะที่การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะล่าช้าไป 3 เดือน อย่างไรก็ตาม Fitch คาดการณ์ว่า การขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.4 ของ GDP เนื่องจากรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการเพื่อผู้มีรายได้น้อยและโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นช่วยคลี่คลายความไม่แน่นอนทางการเมืองและมีส่วนช่วยสนับสนุนความต่อเนื่องของนโยบายที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน Fitch คาดการณ์ว่าการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามแผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะปานกลาง
(6) อย่างไรก็ดี Fitch จะติดตามสถานการณ์สำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย ได้แก่ ระดับหนี้ครัวเรือนของไทย การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย และการพัฒนาทุนมนุษย์
