มอง ซีพีเอฟ The star ดาวเด่นวงการหุ้นปี 64
กำไรยังเด่น โอกาสโตสูง ต่อยอดพัฒนาธุรกิจ
แม้สถานการณ์ของเศรษฐกิจทั่วโลก จะมีการผันผวนอย่างต่อเนื่อง อาจจะสืบเนื่องจากด้วยสถานการณ์ของโควิด-19 แต่ก็ยังมีหุ้นดาวเด่นที่ยังคงสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้จะขับเคลื่อนในท่ามกลางของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จากการวิเคราะห์ในส่วนของคุณค่าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) พบว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 ยังเพิ่มขึ้นจากราคาเนื้อสัตว์ที่เกินกว่าจุดคุ้มทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาหมู อีกทั้งบริษัทขยายกำลังการผลิตหมูในจีนจาก 4 ล้านตัวต่อปี เป็น 7 ล้านตัวต่อปี ส่วนเวียดนามจาก 6 ล้านตัวต่อปี เป็น 7 ล้านตัวต่อปี
ส่วนธุรกิจไก่คาดว่าอาจยังไม่ดีนักจากต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้น แต่คาดจะได้ส่วนชดเชยจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออกหลังการเปิดประเทศ เช่นเดียวกับธุรกิจสัตว์น้ำที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์เช่นกัน มีการคาดยอดขายลดลง 492,957 ล้านบาท ลดลง 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังปรับโครงสร้างการถือหุ้น CPP ทำให้ไม่มีการรวมงบเข้ามา และคาด margin ลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยลดลง
ซีพีเอฟ คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 136% จากการรับรู้ CTI และโลตัสเข้ามา ขณะที่ CPALL และ Hylife ดีขึ้น
ส่งผลคาดการณ์ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบ.ร่วมจะดีขึ้นอย่างมีนัยจาก 1.รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจากบ.ที่ดำเนินธุรกิจหมูในจีน (CTI) ที่ยังได้ผลบวกจากราคาหมูที่อยู่ในระดับสูง 2.คาดการดำเนินงานจากบ.หมูในแคนาดา (Hylife) คาดยังดีจากราคาขายที่ดี อีกทั้งมีการขยายกำลังการผลิตเท่าตัว 3.การดำเนินงานจาก CPALL คาดเพิ่มขึ้นแต่คงไม่มากนัก เนื่องจากจะมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากการซื้อโลตัสเข้ามาลดทอนลง และ 4.รับรู้กำไรจากโลตัสเข้ามาเต็มปี ถือหุ้นอยู่ 20%
โดยนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มีการประมาณกำไรสุทธิ 27,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากปีก่อนมีรายการพิเศษจากการรวมธุรกิจเข้ามามาก
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มขายสินค้ากลุ่ม plant-based ตั้งแต่พ.ค.เป็นต้นไป สำหรับตลาดในประเทศ และจะเริ่มส่งออกในเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่ธุรกิจกัญชงนั้นทาง CPF ได้เซ็น MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสถาบันอื่น ๆ ในการพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง คาดว่าจะเริ่มในกลุ่มอาหารกล่องก่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของราชการอีกครั้ง และศักยภาพรวมถึงสินทรัพย์ของบริษัททำให้ซีพีเอฟ เป็นอีกบริษัทที่มีความพร้อมที่จะทำธุรกิจกัญชงแบบควบวงจรได้อย่างสำเร็จจาก Know how ที่มี ผลดังกล่าวทำให้คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 39 บาท อ้างอิงจาก บล.ฟิลลิป