ปัจจัยลบต่างประเทศถ่วงหุ้นไทย เคาะ 3 ธีมเด่น
โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าพักฐาน แรงกดดันจากโอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมัน มากกว่าตลาดคาด-เฟดลดคิวที-เศรษฐกิจจีนชะลอจากผลกระทบ โควิด ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,630-1,678 จุด ชู 3 ธีมเด่น
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าในภาพรวมคาดว่าจะปรับตัวลงหลังจากที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ทั้งในเดือนก.ค.และส.ค. มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค. ทำให้ซัพพลายเพิ่มขึ้นและกดดันราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจทำให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานเพราะราคาน้ำมันย่อตัวและกดตลาด
นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเริ่มปรับลดขนาดงบดุล เดือนละ 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มทำให้คนกังวลว่าในการประชุมเฟดวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า0.5% หรือไม่ ถ้าขึ้นดอกเบี้ยเร็วอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเร็วขึ้น โดยในไตรมาส 1 จีดีพีติดลบไป 1.4% และไตรมาส 2 อาจไม่ดี
จีนต้องจับตาหลังเปิดเศรษฐกิจแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะจีน Zero COVID ยังคุมเข้มในเรื่องโควิด กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก นอกจากนี้ทิศทางดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าไม่ดีกับตลาดหุ้นโลกเพราะสกุลอื่นอ่อนค่าลงจากฟันด์โฟลว์ที่ไหลออก ตลาดปรับฐานลงก่อนการประชุมเฟด ถ้าไม่ขับรัสเซียออกคงกำลังการผลิตไว้ ราคาน้ำมันก็จะดีดกลับได้
สำหรับแนวรับที่ 1,630 จุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเป็นจุดสำคัญ ถ้าผ่านไปได้มีโอกาสเด้ง ให้ Trading buy หุ้นได้ประโยชน์บอนด์ยีลด์ขาขึ้นคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ อาทิ BBL ( FV@B164) บาท KBANK ( FV@B170) ประกัน เช่น BLA ( FV@B53 ) หุ้นเปิดเมืองจะเป็นกลุ่มค้าปลีก และท่องเที่ยวเช่น CPALL ( FV@B76) M ( FV@B61) SHR ( FV@B5)
รวมถึงหุ้นโรงกลั่น เช่น SPRC ( FV@B15) TOP ( FV@B69) เนื่องจากค่าการกลั่นสูงอยู่ที่ 22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลให้เก็งกำไรระสั้น ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,678 จุด อย่างไรก็ตาม ถ้าดัชนีย่อตัวลงมาสามารถเล่นได้ เพราะสถานการณ์ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วมาก
สำหรับเงินเฟ้อปีนี้ธปท.คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9% ซึ่งกำลังติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นเชื่อว่ากนง.จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยแม้เงินเฟ้อจะเพิ่ม แต่ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์กันอีกครั้ง
ที่มา บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)
ภาพประกอบ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)