แนวต้านต่อไป 1,500 จุด !! นักวิเคราะห์แนะซื้อหุ้นต่อไปนี้
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (8 ธ.ค. 63) ปิดตลาดที่ระดับ 1,478.92 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 29.09 จุด หลังได้รับปัจจัยบวกจากการทำข้อตกลงทางการค้าแบบพหุภาค หนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย
โดยนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง มองว่าเป็นเรื่องปัจจัยบวกทางเทคนิค ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทำนิวไฮได้ใหม่ ซึ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,454 จุด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับยังมีกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องประเมินว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้จะพักฐาน เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง 2 วัน จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนจะขายหุ้นออกเพื่อทำกำไร
ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วถือว่าได้เปรียบ โดยแนะนำให้หาจังหวะขายเพื่อทำกำไรตอนที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น และอาจจะรอซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับย่อลงมา ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรได้ หรืออาจจะรอให้ดัชนีปรับตัวลดลงและหาจังหวะเข้าซื้อ ซึ่งเลือกลงทุนหุ้นที่ราคายังฟื้นตัวช้ากว่าดัชนี โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ เช่นกลุ่มธนาคาร TCAP และ KTB รวมถึงกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เช่น SCC และBDMS โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,460 จุด และแนวต้านไว้ที่ 1,485-1,500 จุด
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า ที่ตลาดหุ้นวันนี้ปรับเพิ่มขึ้นแรง เกิดจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย หลังมองว่าการทำข้อตกลงการค้าแบบพหุภาคีจะส่งผลให้ปริมาณการค้าทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นบวกโดยตรงกับตลาดเกิดใหม่ ซึ่งประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง จีน อเมริกา หรือกระทั่ง อาเซียน อาเซป จะหันมาทำข้อตกลงด้วย ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไทยก็ได้รับอานิสงส์จากการทำข้อตกลงเช่นกัน ทำให้ถูกปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตามไปด้วย
อีกทั้งที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยจำนวนมากทำให้เห็นภาพของการเข้าซื้อต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเห็นนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยไปจนถึงปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากวัคซีนต้าน Covid-19 ซึ่งไทยจะได้รับประโยชน์โดยตรงเพราะเศรษฐกิจพึ่งพานักลงท่องเที่ยวเป็นหลัก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อ ได้แก่ หุ้นพลังงาน PTT BGRIM, ปิโตรเคมี IVL PTTGC, ธนาคารพาณิชย์ BBL TISCO, การเงิน SAWAD MTC, ค้าปลีก CPALL HMPRO, สื่อสาร ADVANC และกลุ่มขนส่ง BEM
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก