ห้องเม่าปีกเหล็ก

Energy and Petrochemical Sector

โดย POWER
เผยแพร่ :
49 views

Energy and Petrochemical Sector: ประเด็นสำคัญจากกิจกรรมเยี่ยมชมสถานที่

เราได้เข้าร่วมงานเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งจัดโดย PTT และ PTTGC สำหรับศูนย์กลางการผลิตของ Allnex ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนโดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

• ตลาดเคลือบผิวของจีนและสถานะของ Allnex: ประเทศจีนเป็นตลาดเคลือบผิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วน 45% ของตลาดเคลือบผิวสำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยอุปสงค์คาดว่าจะเติบโตด้วยระดับอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 5% ไปจนถึงสิ้นทศวรรษ แม้ตลาดจะมีขนาดใหญ่ แต่ยังคงมีลักษณะกระจัดกระจาย โดยผู้เล่น 10 อันดับแรกมีส่วนแบ่งตลาดรวมเพียง 16% Allnex ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTTGC มีสถานะที่แข็งแกร่งในประเทศจีนมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยมีโรงงานผลิต 6 แห่ง และมากกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มีความเกี่ยวข้องกับภาคยานยนต์และโลหะสมรรถนะสูงของจีน โดยปริมาณยอดขายของ Allnex เติบโตด้วย CAGR 8% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเติบโตเร็วกว่าตลาดโดยรวม ท้้งนี้ โรงงาน Jinxing ซึ่งเราได้เข้าเยี่ยมชม เป็นโรงงานใหม่ล่าสุดของบริษัท และคาดว่าจะกลายเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดเมื่อสายการผลิตทั้ง 15 สายเริ่มดำเนินงานครบทั้งหมด นอกจากนี้ ผลกระทบทางตรงจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ มีน้อย เนื่องจาก Allnex ใช้กลยุทธ์การผลิตภายในประเทศเพื่อตอบสนองตลาดภายในประเทศ

• กลยุทธ์การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด: ในระหว่างการประชุมอาหารค่ำ ผู้บริหารระดับสูงของ PTT เปิดเผยว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้กำไรพิเศษจากกิจกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่ากำไรที่รับรู้รวมจะไม่ต่ำกว่า 8 พันลบ. โดยในระดับบริษัทย่อย การแปลงสินทรัพย์ส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในกลุ่ม PTT โดยจะทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ PTT จะคำนวณผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้โดยอิงตามความเสี่ยงในการสร้างกระแสเงินสดและต้นทุนเงินทุน ขณะเดียวกัน บริษัทย่อยจะได้รับประโยชน์จากการลดหนี้ ปรับปรุงฐานะทางการเงิน รับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ และลดความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือทางเครดิต

• หุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์: ผู้บริหารของ PTT ระบุว่า รายชื่อพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะสรุปได้ภายในสิ้นปี 2568 นอกเหนือจากการผนึกกำลังในการดำเนินงาน กลยุทธ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นการควบรวมผู้เล่นในอุตสาหกรรม ซึ่งมุ่งป้องกันการมาขยายกำลังการผลิตใหม่ในภูมิภาคระหว่างช่วงวัฏจักรอุตสาหกรรมขาลง โดยกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบและผู้ประกอบการโรงกลั่นปิโตรเคมีรายใหญ่จะได้รับการจัดลำดับความสำคัญให้เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ก่อน โดยมูลค่าการเข้าลงทุนจะสะท้อนปัจจัยพื้นฐานด้านราคาในระยะยาวแทนที่จะอ้างอิงจากราคาที่อยู่ในช่วงวัฏจักรขาลงปัจจุบัน

• นโยบายเงินปันผลและประเด็นที่อยู่ระหว่างดำเนินการอื่น ๆ: ผู้บริหารของ PTT ยืนยันความมุ่งมั่นในการจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 2.0 บาท/หุ้น โดยกระทรวงการคลังได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน PTT โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีอัตราตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูงเป็นปัจจัยสนับสนุน สำหรับโครงการ CFP ของ TOP ผู้บริหารของ PTT ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวเกี่ยวกับชื่อของผู้รับเหมารายใหม่ แต่ระบุว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนพัฒนาโครงการภายในไตรมาส 3/2568

Recommendation

• คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับทั้ง PTT และ PTTGC เรายังคงชอบ PTT เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่มีความมั่นคง upside จากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด และอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่แข็งแกร่งในระดับ 6-7% สำหรับ PTTGC คาดว่าจะได้รับแรงหนุนเชิงบวกจากการลดต้นทุนจากการปิดธุรกิจบางส่วน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และโอกาสในการรับรู้กำไรพิเศษจากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด โดยราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ของเรายังคงอยู่ที่ 33.80 บาทสำหรับ PTT และ 23.10 บาทสำหรับ PTTGC

 

 


POWER