ณ นาทีนี้ หุ้นที่เป็น Talk of the Town มากที่สุดคงจะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดอย่าง BCPG ที่มีหุ้นแม่อย่าง BCP ที่สร้างชื่อเสียงหุ้นสร้างผลตอบแทนดีเด่นมาแล้ว ประเด็นที่นักลงทุนให้มูลค่ามากที่สุด คือ การที่มี VI ชื่อดังอย่างน.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปรมาจารย์ด้าน VI เข้าติดรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ BCPG ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรดันราคาหุ้นนิวไฮต่อเนื่อง
BCPG หรือ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีบริษัทแม่อย่าง BCP
ราคาหุ้น BCPG ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 18.3 บาท ในวันที่ 22 กันยายน 2560 ด้วยวอลุ่มสุดแกร่งมากถึง 40 กว่าล้านหุ้น วันจันทร์เปิดตลาดมาก็ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง มีแรงเก็งกำไรเข้ามาพร้อมกับเป็นหุ้นที่ถูกนำมาพูดในห้องค้ามากที่สุดตัวหนึ่ง
เมื่อไม่นานมานี้ทางผู้บริหาร นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน(Opportunity Day) ตั้งเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแคปเป็น 5 - 6 หมื่นลบ.ภายในปี 65 จากปัจจุบัน 3 หมื่นลบ. แย้มอยู่ระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าน้ำ-ลม-ใต้พิภพ-ชีวมวล และโซลาร์รูฟท็อป ทยอยชัดเจนปีนี้-ปีหน้า พร้อมร่วมพันธมิตรต่างประเทศศึกษาเทคโนโลยีใหม่ Internal of Energy ชัดเจนในปี 2560
ประเด็นเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์โซล่าร์รูปท็อปจะมีการเติบโตมากซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 500 MW ในอีก 20 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีกำลังการผลิต 10,000 MW และประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่อง Internal of Energy โดยร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศอีก 2 ราย ซึ่งจะเป็นพลังงานรูปแบบใหม่และจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ โดย Internal of Energy คือเทคโนโลยีที่จะทำให้การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดจำนวนการสูญเสียไฟฟ้าระหว่างการจ่ายไฟฟ้า ถือเป็นการเติบโตรอบใหม่ของ BCPG
แต่การดำเนินธุรกิจหรือจะสู้ประเด็นที่มีชื่อนักลงทุนรายใหญ่ได้อย่างไร การเข้ามาถือหุ้นของ น.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ลูกสาวของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนและนักเก็งกำไรในตลาดจึงพร้อมใจกันตีความว่าหุ้น BCPG อาจจะต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น จึงเกิดแรงซื้อขึ้นมาจำนวนมากพร้อมกับวอลุ่มที่เข้ามาเก็งกำไรโดยที่ตัวบริษัทเองก็ยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นเข้ามาใหม่ๆอย่างเด่นชัด
ปัจจุบัน BCPG มีค่า P/E 22.5 เท่า และ P/BV ที่ 2.6 เท่า ถือว่าไม่ได้เป็นหุ้นที่ถุกนักตามตำรา แต่ด้วยการเติบโตรอบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโซล่าร์รูฟท๊อปและพลังงาน Internal of Energy อาจจะช่วยลดความร้อนของ P/E และ P/BV ณ ระดับปัจจุบัน
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ "HOLD" ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2561 ขึ้น17.6-27.0% หลังรวมประมาณการโรงไฟฟ้าพลังลมและพลังงานความร้อนใต้พิภพเข้าไว้ในประมาณการ ราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 15.7 บาท (จาก 13.9 บาท) จากการปรับสัดส่วนทุนเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% และรวมทุกโครงการในประเทศญี่ปุ่นในประมาณการ (Best Case) ราคาหุ้นปรับตัวตอบสนองการซื้อกิจการไปแล้วในระดับหนึ่ง เราคงคำแนะนำ ถือ เพื่อรอ upside จากโครงการในอนาคต
เชิงกลยุทธ์ BCP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังมี upside ที่น่าสนใจจากการเติบโตของ BCPG และธุรกิจการตลาดน้ำมัน
บล ทิสโก้ ปรับมูลค่าที่เหมาะสมของ BCPG เป็น 17 บาท จากเดิม 15.5 บาท จากการปรับเป็นปี 2018 และมีปัจจัยบวกดังนี้
1) ค่าไฟในประเทศที่เพิ่มขึ้น
2) ต้นทุนทางการเงินที่ดีกว่าคาด
3) โครงการโรงไฟฟ้าความร้อน 2 โครงการในปี 2020 และ 2022
และ 4) โซลาร์ฟาร์มในไทยกำลังการผลิต 9MW ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้จะชดเชยรายได้จากโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 1.5MW ที่เราเอาออก เนื่องจากไม่สามารถเชื่อมต่อ grid ได้
ถึงแม้ว่าจะมีนักลงทุนชื่อดังเข้าลงทุน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีนักที่นักลงทุนรายย่อยจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วยโดยที่ไม่ทราบเหตุผลว่า เราซื้อมันไปเพราะเหตุใด นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่อยู่ในตลาดหุ้นทุกคนเข้ามาก็ต่างเพื่อต้องการกำไร ไม่ว่าจะเป็นกำไรในรูปของส่วนต่างราคาหุ้นหรือปันผล ดังนั้นแล้วราคาหุ้นที่สูง นักลงทุนชื่อดังก็อาจจะขายทิ้งได้ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผิดตรงที่นักลงทุนที่เก็งกำไรตามแห่อาจจะเจ็บตัวได้เพราะราคาหุ้นแพงเกินไป อย่างไรก็ตามการลงทุนต้องศึกษาข้อมุลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง BCPG เป็นหุ้นที่ไม่ถูก แต่ก็มีปัจจัยการเติบโตที่ดีในอนาคต แต่ทำได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
-----------------------
เขียนโดย คนเล่นหุ้น