‘กลุ่มร้านอาหาร’ ครึ่งปีหลังคึก โบรกชี้ ‘กำลังซื้อฟื้น’ หนุนยอดขายสาขาเดิม ‘พลิกบวก’
By อัญชลี สบายสุข
“กลุ่มร้านอาหาร” คาดกลับมาคึกคักหลังผ่านจุดต่ำสุด ลุ้นไตรมาส 4 ปี 68 เติบโตรับไฮซีซัน “บล.กสิกรไทย” ชี้การปรับกลยุทธ์แบรนด์ใหญ่ เริ่มเห็นยอดขายสาขาเดิม “พลิกกลับมาเป็นบวก” ด้าน “บล.หยวนต้า” มองการแข่งขันในกลุ่มร้านอาหารยังดุเดือด “บล.กรุงศรี” คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มทยอยฟื้นตัว
“หุ้นกลุ่มร้านอาหาร” กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2568 หลัง “ผ่านจุดอ่อนแอ” ไปแล้วในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยแรงหนุนสำคัญจากการบริโภคดีกว่าที่คาด และกลยุทธ์เชิงรุกของ “ผู้ประกอบการรายใหญ่” ผ่านโปรโมชั่นและเมนูใหม่ ๆ ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมยังคง “รุนแรง” โดยเฉพาะด้านราคาและการทำตลาด ส่งผลให้หลายแบรนด์เริ่มเห็น “ยอดขาย” สาขาเดิมฟื้นตัวเป็น “บวก” มากขึ้น

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในช่วงที่เหลือปี 2568 ยังคงเผชิญกับสภาพการแข่งขันค่อนข้าง “รุนแรง” เนื่องจากแบรนด์ใหญ่ๆ ต่างเข้ามาแข่งขันกันเข้มข้นทั้งในเรื่องราคาและโปรโมชั่น
แม้ภาพรวมการบริโภคมีการเติบโตชะลอตัวลง แต่ทว่าเป็นไปในระดับที่น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงแรก ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวทำให้ภาพรวมของยอดขายสาขาเดิม แม้จะยังชะลอตัวลงอยู่ แต่ก็อาจดีขึ้นกว่าที่คาดไว้เดิม
ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยร้านอาหารแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์เริ่มเห็นภาพการปรับตัวของสาขาเดิมเทิร์นกลับมาเป็นบวก ซึ่งเป็นผลมาจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ เช่น การจัดบุฟเฟ่ต์ และการออกไลน์อาหารใหม่ๆ จึงคาดภาพรวมครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ดีจากช่วงครึ่งปีแรก
สำหรับ กรณีของหุ้น บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ซึ่งราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นเกิน 100% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ณ ราคาล่าสุดที่ประมาณ 32 บาท การปรับตัวขึ้นดังกล่าวมีจุดเปลี่ยนสำคัญมาจากการที่ MK เริ่มมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จริงจัง อย่างไรก็ตาม หุ้น M ปัจจุบัน Valuation ค่อนข้างที่จะตึงตัว ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังที่สุดคือ การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะตลาดหม้อ Hot Pot
นายกฤตวิทย์ รัตนะกนกชัย นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุหลักทำให้หุ้นกลุ่มร้านอาหารปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งนั้น จากผลบวกการปรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะหุ้น M ซึ่งปรับขึ้นค่อนข้างแรง
“ภาพรวมของกลุ่มร้านอาหารได้เริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในส่วนของยอดขายสาขาเดิมหลังจากที่ยอดขายในไตรมาส 2 ปี 2568 เคยติดลบ ในไตรมาส 3 ปี 2568 นี้ สัญญาณติดลบได้ลดน้อยลง และผู้ประกอบการบางรายก็สามารถกลับมาทำยอดขายเป็นบวกได้แล้ว ส่วนในด้านของการแข่งขันในกลุ่มร้านอาหารนั้น พบว่าภาพรวมยังไม่แตกต่างจากเดิม และการแข่งขันยังคงมีความรุนแรงเหมือนเดิม”
การปรับกลยุทธ์ของ M ดังกล่าวคือ การหันมาทำบุฟเฟ่ต์มากขึ้น จากแนวคิดพรีเมียมบุฟเฟ่ต์ ซึ่งธุรกิจยังเริ่มมีการขยายตัว และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งนี้ ดีมานด์เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หากรัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว รวมถึงการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ประชาชนออกไปทานอาหารนอกร้านมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มร้านอาหารโดยรวม
บล.กรุงศรี กล่าวว่า ภาพรวมกลุ่มร้านอาหารผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง อาทิ แผ่นดินไหว การชะลอตัวของนักท่องเที่ยว รวมถึง Sentiment ที่ค่อนข้างแย่ต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวทำให้ยอดขายสาขาเดิมของกลุ่มติดลบค่อนข้างมากในไตรมาส 2 ปี 2568
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 แม้ยอดขายสาขาเดิมจะยังคงติดลบอยู่ แต่ทิศทางเริ่มดีขึ้น โดยเป็นการติดลบที่ลดน้อยลง ขณะนี้อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว โดยแต่ละบริษัทต่างงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ เข้ามาเพื่อกระตุ้นยอดขายและผลประกอบการ
นอกจากนี้ กลุ่มดังกล่าวยังมีการฟื้นตัว เนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2568 เป็นช่วง High Season ดังนั้น จึงคาดจะเห็นการฟื้นตัวของกลุ่มเข้ามาอย่างแน่นอน และอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี คือแนวโน้มอัตรากำไรกลุ่มร้านอาหารจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบต่าง ๆ เริ่มเห็นการปรับตัวลงมา
สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นได้รับผลบวกจากราคาปลาแซลมอนที่ลดลง ขณะที่ราคาไก่และหมูมีการปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนที่ลดลงจะช่วยหนุนให้กำไรของกลุ่มร้านอาหารถูกขับเคลื่อนด้วยรายได้เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1200445