ผู้โพสต์จะอ้างอิงคำนิยามของหุ้นจากหนังสือ Keys to Investing in Common Stocks ของ นิค และ บาร์บาร่า โดยให้คำจำกัดความของหุ้นบูลชิพและหุ้นวัฏจักรดังนี้ คือ :
หุ้นบูลชิพ : ได้แก่หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานมั่นคง และ สามารถรักษาระดับของเงินปันผลได้อย่างสม่าเสมอ ซึ่งในที่นี้ได้แก่หุ้น PTT, AOT, PTTEP, SCC และ PTTGC
หุ้นวัฏจักร : ได้แก่หุ้นที่ราคามีการขึ้นลงตามวัฏจักรธุรกิจ ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงวัฏจักรธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และในที่นี้ได้แก่หุ้น CK, STEC, ITD, UNIQ และ NWR
และ ผู้โพสต์จะใช้คำว่า “ SIPRR “ เพื่อแสดง ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กําหนดโดย " ศักดิ์ " ( Sak's Index and Price Reference Return หรือ " SIPRR ") โดยจะเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างหุ้นบลูชิพกับหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้าง และ เปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนของหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้างกับดัชนี S&P 500 เช่นเดียวกันกับที่ จิม โรเจอร์ ได้กําหนดดัชนีของสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศ ( Rogers International Commodity Index หรือ " RICI " ) โดยเน้นไปที่ดัชนีและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตลอดจนผลตอบแทนเชิงเปรียบเทียบของดัชนีและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่จิม โรเจอร์ กำหนดขึ้นมา
สำหรับผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กำหนดโดย “ ศักดิ์ “ หรือ " SIPRR " ประจำ วันที่ 12 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 เป็นดังนี้ คือ :
1) SET INDEX และ หุ้นบลูชิพ 5 ตัว รวมเป็น 6 ตัว ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในรอบขาขึ้นรอบใหญ่รอบที่แล้วดังนี้ คือ :
1.1) SET INDEX ปรับตัวลดลง ( 1,668 – 1,852 ) / 1,852 x 100 = -9.94% ( SIPRR-1.1 )
1.2) PTT ปรับตัวลดลง ( 49.75 – 59.50 ) / 59.50 x 100 = -16.39% ( SIPRR-1.2 )
1.3) AOT ปรับตัวลดลง ( 65.00 – 77.75 ) / 77.75 x 100 = -16.40% ( SIPRR-1.3 )
1.4) PTTEP ปรับตัวลดลง ( 138.00 – 151.50 ) / 151.50 x 100 = -8.91% ( SIPRR-1.4 )
1.5) SCC ปรับตัวลดลง ( 432 – 528 ) / 528 x 100 = -18.18% ( SIPRR-1.5 )
1.6) PTTGC ปรับตัวลดลง ( 79.00 – 105 ) / 105 x 100 = -24.76% ( SIPRR-1.6 )
2) SET INDEX, CONS และ หุ้นรวมทั้งอนุพันธ์หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักร 6 ตัว รวมเป็น 8 ตัว ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดตํ่าสุดในรอบขาลงรอบใหญ่รอบที่แล้วดังนี้ คือ :
1) SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,668 – 1,561 ) / 1,561 x 100 = +6.85% ( SIPRR-2.1 )
2) CONS ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 98.86 – 85.87 ) / 85.87 x 100 = +15.13% ( SIPRR-2.2 )
3) CK ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 26.00 – 23.30 ) / 23.30 x 100 = +11.59% ( SIPRR-2.3 )
4) STEC ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 24.60 – 17.10 ) / 17.10 x 100 = +43.86% ( SIPRR-2.4 )
5) ITD ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 2.72 – 2.60 ) / 2.60 x 100 = +4.62% ( SIPRR-2.5 )
6) UNIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 12.10 – 10.90 ) / 10.90 x 100 = +11.01% ( SIPRR-2.6 )
7) NWR ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 0.83 - 0.67 ) / 0.67 x 100 = +23.88% ( SIPRR-2.7 )
8) ITD-W1 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 0.11 – 0.07 ) / 0.07 x 100 = +57.14% ( SIPRR-2.8 )
3) ยกตัวอย่าง :
3.1) SIPRR-1.1 = -9.94% หมายความว่า Set Index มีผลตอบแทนลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561= -9.94%
3.2) SIPRR-1.2 = -16.39% หมายความว่า หุ้น PTT ซึ่งเป็นหุ้นบูลชิพ มีผลตอบแทนลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี พ.ศ 2561 = -16.39% ส่วนหุ้นบลูชิพส่วนที่เหลืออีก 4 ตัว ก็มีความหมายคล้ายๆกับหุ้น PTT
3.3) SIPRR-2.1 = +6.85% หมายความว่า Set Index มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 1,561 จุดที่ผู้โพสต์คาดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะตลาดกระทิงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 = +6.85%
3.4) SIPRR-2.3 = +11.59% หมายความว่า หุ้น CK ซึ่งเป็นหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้าง มีผลตอบแทนจากจุดตํ่าสุดขาลงรอบใหญ่รอบที่แล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี พ.ศ 2561= +11.59% ส่วน CONS และ หุ้นรวมทั้งอนุพันธ์ของหุ้นรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักรส่วนที่เหลืออีก 5 ตัว ก็มีความหมายคล้ายๆกับหุ้น CK
เป็นต้น
4) ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนสะสมจากจุดสูงสุดหรือจุดตํ่าสุดจากขาขึ้นและขาลงรอบใหญ่รอบที่แล้วถึง ณ. ปัจจุบัน :
4.1) ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนสะสมของหุ้นกลุ่มบลูชิพจากจุดสูงสุดถึง ณ. ปัจจุบัน = ค่าเฉลี่ย SIPRR-1.2 - SIPRR-1.6 = -16.93%
4.2) ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนสะสมของหุ้นกลุ่มวัฏจักรรับเหมาก่อสร้างจากจุดตํ่าสุดถึง ณ. ปัจจุบัน = ค่าเฉลี่ย SIPRR-2.3 - SIPRR-2.7 = +18.99%
4.3) ผลตอบแทนสะสมเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มวัฏจักรมากกว่าหุ้นกลุ่มบลูชิพถึง ณ. ปัจจุบัน = +18.99% - ( -16.93% ) = +35.92% ( 12/11/2018 ) โดยเทียบกับในอดีตที่ผ่านมาที่ :
4.3.1) +37.70% ( 5/11/2018 )
4.3.2) +36.86% ( 29/10/2018 )
4.3.3) +38.50% ( 22/10/2018 )
4.3.4) +41.59% ( 16/10/18 )
4.3.5) +39.80% ( 8/10/2018 )
4.3.6) +42.98% ( 1/10/2018 )
4.3.7) +42.32% ( 24/9/2018 )
4.3.8) +37.84% ( 17/9/2018)
4.3.9) +33.08% ( 10/9/2018 )
4.3.10) +34.37% ( 3/9/2018 )
4.3.11) +30.74% ( 27/8/2018 ) และ
4.3.12) +29.00% ( 20/8/2018 )
5) ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิง :
5.1) ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี ค.ศ 1920 ถึง ปี ค.ศ 1980 ( 60 ปี ) :
5.1.1) S&P 500 = 11.30% ต่อ ปี
5.1.2) พันธบัตรระยะยาว = 4.60%ต่อ ปี
5.1.3) ตั๋วเงินคลัง = 3.70% ต่อ ปี
หมายเหตุ 1 : เงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว = 2.80% ต่อ ปี
5.2) ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จในโลก :
5.2.1) Warren Buffett = 25% ต่อ ปี ( ปี ค.ศ 1968 - 1998 ( 30 ปี )
5.2.2) Peter Lynch = 30% ต่อ ปี ( ปี ค.ศ 1977 - 1988 ( 11 ปี )
5.2.3) George Sorros = 35% ต่อ ปี ( ปี ค.ศ 1969 - 1988 ( 19 ปี )
5.3) ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กําหนดโดย " ศักดิ์ " ประจําวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 :
5.3.1) SET INDEX = +6.85% ( SIPRR-2.1 )
5.3.2) CONS = +15.13% ( SIPRR-2.2 )
5.3.3) CK = +11.59% ( SIPRR-2.3 )
5.3.4) STEC = +43.86% ( SIPRR-2.4 )
5.3.5) ITD = +4.62% ( SIPRR-2.5 )
5.3.6) UNIQ = +11.01% ( SIPRR-2.6 )
5.3.7) NWR = +23.88% ( SIPRR-2.7 )
5.3.8) ITD-W1 = +57.14% ( SIPRR-2.8 )
5.4) จากข้อมูลดังกล่าวข้งต้น ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กําหนดโดย " ศักดิ์ " ( Sak's Index and Price Reference Return ) ในปีแรกคือปี พ.ศ 2561 จนถึง ณ.วันที่ 12 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 คือ ผลตอบแทนของ ITD-W1 = +71.43% ( SPIRR-2.8 ) ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สุงที่สุดที่เลือกมาจาก SPIRR-2.1 ถึง SIPRR-2.8 ( 12/11/2018 ) โดยเทียบกับในอดีตที่ผ่านมาที่ :
5.4.1) +71.43% ( 5/11/2018 )
5.4.2) +71.43% ( 29/10/2018 )
5.4.3) +71.43% ( 22/10/2018 )
5.4.4) +85.71% ( 16/10/18 )
5.4.5) +71.43% ( 8/10/2018 )
5.4.6) +114.29 ( 1/10/18 )
5.4.7) +114.29% ( 24/9/2018 )
5.4.8) +42.86% ( 17/9/2018 )
5.4.9) +28.57% ( 10/9/2018 )
5.4.10) +42.86% ( 3/9/2018 )
5.4.11) +28.57% ( 27/8/2018 ) และ
5.4.12) +28.57% ( 20/8/2018 )
6) ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมส่วนตัวของผู้โพสต์ :
6.1) Set Index น่าจะอยู่ในสภาวะกระทิงต่อไป นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561 เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะ ปัจจัยในเชิงบวก 3 ประการ คือ :
6.1.1) Fed Fund Rate ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ และ เป็นปัจจัยชี้นําที่สําคัญที่สุด
6.1.2) การเลือกตั้งทั่วไปของไทยน่าจะมีขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562
6.1.3) พลเอกประยุทธ จันทร์โอชาน่าจะได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยต่อไปอีก หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว
6.2) หุ้นบูลชิพนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561 เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 ( เมื่อ Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นจาก 2.25% ไปอยู่ที่ 4.25% ) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าหุ้นในหมวด/กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้าง เพราะ สงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก
6.3) หุ้นในหมวด/กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้าง นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 ( เมื่อโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทยได้ประมูลและรู้ผลแล้ว 80% ) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้มากกว่าหุ้นบูลชิพ เพราะ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทของรัฐบาลไทย และ ความต่อเนื่องของนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ของรัฐบาลไทย
6.4) ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กําหนดโดย " ศักดิ์ " น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 ถึงปี พ.ศ 2590 ( 30 ปี ) เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ที่ 11.30% ต่อปี ระหว่างปี ค.ศ 1920 - 1980 ( 60 ปี )
6.5) ฟองสบู่โลกแตก เนื่องจากปัญหาหนี้สินท่วมโลก ที่ไม่สามารถทนแรงกดดันต่อสภาวะดอกเบี้ยสูงๆได้ เมื่อ Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 4.25%ในปี พ.ศ 2564
7) ตัวอย่างการลงทุนในหุ้นวัฏจักรที่ประสบผลสําเร็จ :
7.1) Peter Lynch ได้ซื้อหุ้น L'LEG ซึ่งเป็นถุงน่องสตรีในช่วงที่ออกจําหน่ายใหม่ๆ และ ผู้คนได้ให้ความสนใจมาซื้อไปใช้กัน และ ผลิตภัณฑ์นี้ต่อมาก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และ ขายดีเป็นเทนํ้าเทท่า Peter Lynch ได้ขายหุ้นตัวนี้หลายปีต่อมาเมื่อเห็นว่าตลาดของ L'LEG ได้อิ่มตัวแล้ว Peter Lynch ได้กําไรหลายเท่าตัวจากการลงทุนในครั้งนี้
7.2) Warren Buffett ได้ซื้อหุ้น PetroChina เมื่อราคานํ้ามัน Wti อยู่ที่ 25 USD Per Barrel และถือไว้ 5 ปี แล้วขายออกไปเมื่อราคานํ้ามัน Wti ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 120 USD Per Barrel และ Warren Buffett ได้กําไร 4 เท่าตัวจากการลงทุนในครั้งนี้
8) หมายเหตุ 2 :
8.1) เนื่องจาก ITD-W1 จะหมดอายุในวันที่ 13 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 และการเลือกตั้งทั่วไปน่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 เพราะฉะนั้นผู้โพสต์จะทําการ Roll Over ITD-W1 ไปเป็น ITD ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 โดยจะใช้ราคาปิดของ ITD-W1 และ ITD ณ.วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 เป็นจุด Roll Over ( คําว่า " Roll Over ITD-W1 ไปเป็น ITD หมายความว่า " ขาย ITD-W1 แล้วซื้อ ITD ทันที่ แล้วถือ ITD ( ITD-W1 ที่ Roll Over มา ) ต่อไป " จนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 )
8.2) ที่มาจาก ( www.settrade.com ), ( www.set.or.th ) และ ( www.bloomberg.com )
8.3) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมได้ใน longtunbysak.blogspot.com
8.4) ดัชนีชี้นำที่สำคัญอื่นๆที่ปิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 :
8.4.1) Down Jones 25,989 จุด
8.4.2) Nasdaq 7,406 จุด
8.4.3) Nikkei 22,250 จุด
8.4.4) Hang Seng Index 25,601 จุด
8.4.5) ราคาน้ามัน Wti 59.80 USD Per Barrel
8.4.6) ราคาทองคำ Comex 1,210.30 USD Per Ounce
8.4.7) ค่าเงินบาท 33.057 Baht Per USD
8.4.8) ต่างชาติซื้อ/ขายสุทธิ -1,840.66 ล้าน บาท
8.4.9) ต่างชาติซื้อ/ขายสะสมสุทธิทั้งปีนี้คือปี พ.ศ 2561 -273,221.90 ล้าน บาท ( ส่วนยอดขายสะสมของนักลงทุนต่างชาติปีนี้คือปี พ.ศ 2561 ที่มากที่สุดคือ -275,362.45 ล้าน บาท ถึง ณ. วันที่ 2 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 )