อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล! :
บทกลอนข้างต้นเป็นบทกลอนที่แต่งโดยสุนทรภู่ ซึ่งเป็นกวีเอกของเมืองไทย และตรงกับหลักการลงทุนของผู้โพสต์ดังนี้ คือ :
หลักการลงทุนของผู้โพสต์เป็นไปตามหลักการลงทุนข้อที่ 1 ของจิม โรเจอร์เรื่องหลักการลงทุนดังนี้ คือ :
จิม โรเจอร์ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ " หลักการลงทุน " ดังนี้ คือ :
ผู้คนต่างถามผมอยู่เสมอว่าลงทุนในอะไรดี ซึ่งผมก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง ผมบอกว่า อย่าฟังผม อย่าฟังใครทั้งนั้น ทางเดียวที่คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จคือ " การลงทุนในสิ่งที่คุณมีความรู้ดี " ทุกคนมีสิ่งที่ตนรู้ดีทั้งนั้น มันอาจจะเป็นรถ แฟชั่น หรืออะไรก็ตาม คุณรู้ดีในเรื่องอะไรสักเรื่อง ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องอะไรดี ให้คุณถอยมามองดูชีวิตประจําวันของคุณ เมื่อคุณนั่งรอตรวจกับหมอคุณมักจะหยิบนิตยสารอะไรขึ้นมาอ่าน ถ้าคุณเปิดโทรทัศน์คุณมักจะดูรายการประเภทไหน และคุณก็จะรู้ในไม่ช้าว่าคุณสนใจเรื่องอะไรกันแน่ และความรอบรู้ของคุณจะอยู่ในเรื่องใด
ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จแล้ว ถ้าคุณมีความสนใจเรื่องรถยนต์ ให้คุณอ่านทุกอย่างที่คุณหาได้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ คุณจะรู้ว่าเมื่อไหร่บางสิ่งที่จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ดีขนานใหญ่จะเกิดขึ้น จากนั้นให้ตามเรื่องต่อ อ่านเรื่องที่คุณค้นพบให้มากขึ้น มันอาจจะเป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่กําลังพัฒนาอยู่ เป็นระบบที่เหนือกว่าและถูกกว่าระบบที่กําลังใช้อยู่ และคุณก็รู้ว่าเมื่อมันเข้าสายพานการผลิตเมื่อไหร่ มันจะกินส่วนแบ่งการตลาดขนานใหญ่อย่างแน่นอน หรือมันอาจจะเป็นถนนเส้นใหม่ ผู้คนอาจจะขับรถไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน โรงแรมหรือศูนย์การค้าใหม่อาจจะเปิดที่นั่น กลยุทธพื้นฐานคืออยู่ในสิ่งที่คุณรู้แล้วขยายความรู้ออกไป ถ้ามีคนโทรฯมาหาคุณแล้วบอกว่า "โอ้ พระเจ้า ตอนนี้มีข่าวใหม่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตคอมพิวเตอร์แบบใหม่ คุณต้องไม่ใส่ใจมัน คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ " รถยนต์คือสิ่งที่คุณรู้ เพ่งพินิจในสิ่งที่คุณรู้และเมื่อคุณเห็นการเปลี่ยนแปลง คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กําลังจะมาก่อนที่ผมจะเห็นนานทีเดียว นานโขกว่าที่คนอื่นในวอลส์สตรีทจะเห็น เพราะรถยนต์เป็นความชื่นชอบของคุณ มันเป็นเรื่องที่คุณนั่งอ่านอยู่ตลอดเวลา
หมายเหตุ : ที่มาจาก Street Smarts โดย Jim Rogers
โดยผู้โพสต์คิดว่าตัวเองมีความรู้ดีใน 4 เรื่องดังนี้ คือ :
1) การเทรด Set 50 Index Futures
2) ทิศทางของตลาดหุ้นในระยะกลางถึงยาว จากการปั่นและทุบหุ้นของทรัมป์ ( ปี พ.ศ 2562 - 2563 )
3) การถดถอยของโลก ( ปี พ.ศ. 2564 )
และ 4) ธุรกิจถ่านหิน ( ปี พ.ศ 2565 - 2570 )
ส่วนกําไรจากการทําตามหลักการดังกล่าวข้างต้นตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562 เป็นดังนี้ คือ :
Sak Index ประจําวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562 = 222.83 จุด
กําไรสะสมรวม = +222.83% ( วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562 )
1) S50H20 ปิด ที่ 1,097.0 จุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562
2) กําไร/ขาดทุน = ( 1,097.0 - 1,064.5 - 0.93 ( Commission Fee and VAT )) x 200 / 10,298 = +61.31%
3) Automatic All Time Stop Loss <= 1,054.0 จุด
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.tfex.co.th )
2) ผลตอบแทนของกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUNAG-A-NUNT HEDGE FUND ) เป็นดังนี้ คือ :
2.1) ปี พ.ศ 2561 = +19.30%
2.2) ปี พ.ศ 2562 = ( +11.27% + 44.98% + 4.99% - 10.88%+151.31 -23.01% - 23.01%+34.88%+24.73% -20.89% -24.40% -9.19% +14.90% - 16.12% -17.34% +61.31%)
= +203.53%
2.3) กําไรสะสมรวม = +19.30% +203.53% = +222.83%
2.4) วันที่ 4 กันยายน ปี พ.ศ 2562 เป็นวันแรกที่กําหนด Sak Index ที่ +189.27%
3) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ตามการปั่นและทุบหุ้นของทรัมป์ได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook