GUNKUL หุ้นโรงไฟฟ้าปันผลสม่ำเสมอ
คาดปี 66 ให้ผลตอบแทน 2.3% แนะสะสมรอผลงานฟื้น

.
อย่างที่ทราบกันดีว่า หุ้นโรงไฟฟ้าเป็นหุ้นที่มีความทนทานต่อสภาวะทางเศรษฐกิจสูง ผลการดำเนินงานค่อนข้างมีเสถียรภาพ และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ จึงเป็นอีกกลุ่มหุ้นยอดนิยมที่นักลงทุนมีติดพอร์ต ดังนั้นหุ้นปันผลสัปดาห์นี้ Wealthy Thai จึงมีหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ดีและติดอยู่ในดัชนี SETHD อย่าง GUNKUL หรือ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) มานำเสนอ
.
โดย GUNKUL ประกอบธุรกิจ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ, 2. ธุรกิจวิศวกรรมและ Turnkey แบบครบวงจร, 3. ธุรกิจผลิต จัดหา และจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า, 4. ธุรกิจ Ecosystem Business Platform & Innovation และ 5. ธุรกิจกัญชงและกัญชาแบบครบวงจร
.
ในด้านปันผล GUNKUL มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2565 บริษัทจ่ายเงินปันผลไปทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.653 บาท ล่าสุดบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดผลประกอบการปี 2565 ที่ 0.06 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 เม.ย. 66 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค. 2566 โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ระดับ 2.97% และติดอยู่ในลำดับที่ 27 ของดัชนี SETHD
.
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ปัจจุบัน GUNKUL มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 35,885.43 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 11.92 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 7 เม.ย. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 7 เม.ย. 66 อยู่ที่ 4.04 บาท ปรับตัวลดลง 23.05% จากช่วงต้นปี
.
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.10 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.3% ส่วนปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.12 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.8%
.
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า GUNKUL ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายจาก กกพ. ทั้งหมด 17 โครงการ จากทั้งหมดที่ยื่นข้อเสนอ 27 โครงการ เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 15 โครงการ (ยื่นทั้งหมด 21 โครงการ) และโครงการลม 2 โครงการ (ยื่นทั้งหมด 6 โครงการ) กำลังการผลิตรวม 832.4 MW โดย GUNKUL จะถือเอง 100% ทำให้กำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นจากของเดิมที่มีอยู่ถึง 114%
.
โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกไปลงนามสัญญา PPA กับ EGAT โครงการมีสัญญารับซื้อไฟ 25 ปี ลำดับถัดไปจะทำ ESIA (ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน) เป็นเวลา 15 เดือน และเวลาก่อสร้าง 1 ปี สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และ 2 ปี สำหรับโครงการลม คาดว่าจะ COD ทุกโครงการได้ภายในปี 2569
.
ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ได้ FiT ที่สูงกว่าพื้นที่อื่น 0.50 บาทต่อหน่วย หรือ 23% แต่การได้โครงการหลายโครงการทำให้เกิด Economy of scale สามารถสร้างได้ราคาต่ำกว่าปกติ ทำให้ต้นทุนก่อสร้างอาจสูงกว่าพื้นที่อื่นเพียง5% ทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าโครงการแสงอาทิตย์ในพื้นที่อื่น
.
นอกจากนี้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบกักเก็บ (Solar + BESS) มี FiT สูงกว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ปกติ 31% แต่ต้นทุนก่อสร้างสูงกว่าแบบไม่มีระบบกักเก็บกว่าเท่าตัวทั้งนี้เนื่องจากในเชิงการก่อสร้างจริงโครงการที่มีระบบกักเก็บจะต้องสร้าง Solar farm ให้มีขนาดใหญ่กว่ากำลังการผลิตที่รับซื้อ 2 –3 เท่าตัว เพื่อการผลิตและใช้ในเวลานั้นเลยส่วนหนึ่งและเก็บส่วนหนึ่ง ทำให้สามารถขายไฟได้จริงทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน ซึ่งเป็น Upside risk ของรายได้จากโครงการประเภทนี้ และเทคโนโลยีของแผง Solar ที่ผลิตไฟได้ทั้ง 2 ด้านทำให้ต้นทุนต่อ MW ลดลงด้วยเช่นกัน
.
สำหรับการเปิดให้ยื่นข้อเสนอในรอบที่ 2 ของ กกพ. ขนาดรวมราว 3,663 MW เป็นโครงการลมราว 1,000 MW โดย GUNKUL คาดจะยื่นเสนอขายไฟในโครงการลมราว 400 MW เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างต่ำ เพราะคู่แข่งที่ไม่ผ่านในรอบแรกจะติดปัญหาเรื่องพื้นที่ต้องใช้เวลานานในการแก้ไข ขณะที่ของ GUNKUL เป็นข้อบกพร่องเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้เร็วกว่ามีโอกาสได้คะแนนประเมินสูงกว่า ซึ่งหากได้ทั้ง 400 MW จะเป็น Upside เพิ่มเติม และเงินลงทุนยังมากเพียงพอ
.
ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ ราคาหุ้นควรกลับมาแข็งแกร่งกว่ากลุ่มและตลาดเพราะจากต้นปีปรับตัวลดลง 23% ขณะที่กำลังการผลิตใหม่มีความชัดเจนแล้ว เพียงแต่ระยะเวลาการ COD อยู่อีก 3 ปีข้างหน้า ประเมินเบื้องต้นจะมีกำไรเข้ามาเพิ่มเติมต่อปีไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันราว 100% มีผลต่อราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นราว 3 บาทบวกลบ จาก 4.20 บาท (ไม่รวมธุรกิจกัญชง) ดังนั้นราคาเป้าหมายรวมจะอยู่ที่ 5.90 บาท
หากมองข้ามผลประกอบการที่ไม่เด่นในปีนี้ได้ แนะนำสะสม โดยมองว่าปี 2567 - 2568 จะเติบโตจากงาน EPC ในช่วงที่รอโรงไฟฟ้า COD