6 หุ้นโรงไฟฟ้า รับผลกระทบแค่ไหน? หลังเผชิญความเสี่ยงวิกฤตศก. สปป.ลาว

โบรกฯ จับตาหุ้น 6 โรงไฟฟ้า รับผลกระทบแค่ไหน หลัง สปป.ลาว กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ สถานะการเงินอ่อนแอ และเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ มอง BCPG เสี่ยงมากสุด ส่วน RATCH-EGCO- BPP-GPSC-CKP เสี่ยงไม่มากนัก

.

บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กับความเสี่ยงจากโครงการในสปป.ลาว ว่า COVID-19 ทำให้สถานะทางการเงินที่อ่อนแออยู่แล้วของสปป.ลาว ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ทั้งนี้ สปป.ลาว กำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจโดยยอดหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 88% ของ GDP ทำให้สถานะของประเทศและความน่าเชื่อถืออ่อนแอลง

.

ประเทศลาวมีสถานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิ และไม่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ในขณะที่ภาระหนี้ต่างประเทศที่ต้องชำระคืนรายปีเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านดอลลาสร์ในปี 2565F (จากเพียง 160 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2553) โดยจีนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ คิดเป็น 47% หนี้ทั้งประเทศ

.

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม 2565 สูงที่สุดในรอบ 15 ปีที่ 12.8% ซึ่งสูงเป็นอันดับที่หกของโลก ดังนั้น อัตราแลกเปลี่ยน USD/LAK (กีบลาว) จึงอ่อนค่าลงถึง 40% YTD และผันผวนรายวันอย่างหนัก ท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า สำนักวิจัยหลายแห่งจึงออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ (default risks)

.

ความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง จากการได้พูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทโรงไฟฟ้าหกแห่ง พบว่า BCPG มีความเสี่ยงมากที่สุด ขณะที่บริษัทที่เหลือได้แก่ RATCH , BPP, EGCO , GPSC และ CKP มีความเสี่ยงไม่มากนัก

.

คิดว่าความเสี่ยงจะมาจาก (i) การผิดนัดชำระหนี้ (default risk) ของบริษัทที่ขายไฟฟ้าให้กับ EDL (off-taker) และ (ii) การอ่อนค่าของเงินกีบลาว (LAK) ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุด บริษัทต่าง ๆ อาจจะต้องตั้งสำรองรายได้ค้างรับทั้งหมดจากลาว หรืออาจจะบันทึกรายได้ลดลงอย่างมากจากการแปลงสกุลเงิน (LAK เป็น THB)

.

วิเคราะห์ผลกระทบในเชิงลึก โครงการ Nam San 3A&3B ของ BCPG (10.3% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ขายไฟฟ้าทั้งหมดให้กับ EDL (25% ของรายได้ต่อปีของ BCPG) ขณะที่รายได้ 10% จากโครงการนี้เป็นสกุล LAK ทั้งนี้สัญญา PPA จะเปลี่ยนเป็น EVN โดยใช้สกุล USD 100% ใน 3Q65 และหนี้ส่วนที่เหลือจะหักกับการลงทุนในอนาคต ส่วนบริษัทอื่น ๆ นั้นขายไฟฟ้าให้กับ EDL ในสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท และมีรายได้ที่รับเป็นสกุล LAK เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ตามปกติแล้วจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ site โครงการ)

.

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาผลกระทบสุทธิแล้ว พบว่า BCPG มีความเสี่ยงมากที่สุด ขณะที่บริษัทอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ CKP, BPP, EGCO, RATCH และ GPSC มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ การที่สกุลเงิน USD แข็งค่าขึ้นน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการอ่อนค่าของ LAK ได้บ้าง เพราะหลายโครงการ โครงสร้างค่าไฟฟ้าถูกกำหนดโดยสกุล USD

.

ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ Neutral โดยมองว่าความเสี่ยงทางการเงินของลาวมีมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่ COVID-19 ทำให้เห็นปัญหาชัดมากขึ้น ยังไม่คิดว่าจะเกิดกรณีเลวร้ายที่สุดขึ้นในขณะนี้ แต่แนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ของประเทศลาว และการดำเนินการของบริษัทต่าง ๆ ในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องจะตกลงมาแล้ว แต่ความเสี่ยงในประเด็นเหล่านี้จะยังคงกดดันหุ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง

.

ในระยะต่อไป บริษัทต่าง ๆ น่าจะโยกเงินลงทุนออกจากโครงการที่ลาวเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า และผู้ถือหุ้น แต่ในระยะยาว คิดว่าลาวจะยังคงเป็น "แบตเตอรี่ของเอเชีย " เนื่องจากอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบจากการใช้ทรัพยากรน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า

.

Risks : มีการปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย