หุ้นตัวที่ดังมากที่สุด ณ เวลานี้คงไม่มีใครเกินบ้านปู อดีตหุ้น Big Cap และได้รับการยกย่องจากนักลงทุนว่าเป็นหุ้น Blue Chip ที่จะต้องมีติดพอร์ตเอาไว้ ราคาหุ้นเคยแตะระดับสูงสุดที่ราคา 80 บาท (รวมแตกพาร์แล้ว) แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 15 บาท ด้วยความยากลำบากของการดำเนินงานในช่วงยุคถ่านหินตกต่ำ ทำให้รายได้ที่เคยแตะระดับหมื่นล้านต้องหายไป เหลือเพียงแต่ความทรงจำในใจของนักลงทุนว่าอดีตก็เคยมีหุ้น Blue Chip ตัวหนึ่ง ที่ตอนนี้เหลือไว้แค่หุ้นถ่านหินที่ไม่มีใครต้องการ
ถ้าใครติดตามการพัฒนาของบ้านปู จะเห็นได้ว่า บ้านปูเองก็มีความพยายามที่จะผลักดันกำไรในสถาการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก และนี้เองก็เป็นข้อเสียของธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ที่บริษัทไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้เลย ต้องปล่อยให้เป็นไปตามตลาดโลก แต่สำหรับบ้านปูเองก็มีความกระตือรือร้นที่จะพยายามเปลี่ยนธุรกิจจากผู้ขายถ่านหิน ไปเป็นธุรกิจพลังงานไฟฟ้า
แน่นอนว่า ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ถือว่าเป็นเมกะเทรนด์แน่นอน เพราะปริมาณการใช้ไฟฟ้าของโลกนับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้นมาก และต้องยอมรับอีกด้วยว่าชีวิตของมนุษย์นั้นได้ผูกติดอยู่กับไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ชีวิตมนุษย์ก็จะไม่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ แต่ในระยะยาวแล้วบริษัทไหนที่อยู่รอด บริษัทไหนที่ล้มหายตายจากไปในระยะยาว
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่าบ้านปู จะประกาศทำ IPO บริษัทลุกของตัวเองนั้นคือ บริษัทบ้านปูพาวเวอร์ หรือ BPP แล้วบริษัทนี้เป็นอย่างไร เรามาเจาะลึกกันครับ
ธุรกิจของบ้านปูพาวเวอร์
ปัจจุบันบ้านปูพาวเวอร์มีธุรกิจอยู่ใน 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และจีน ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม สำหรับโครงการอนาคตกำลังมีโครงการลงทุนที่ญี่ปุ่นเป็นพลังงงานแสงอาทิตย์
ธุรกิจในประเทศไทย
สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ ถือหุ้นโดยทางอ้อมผ่านบริษัทย่อยของบริษัทฯ ใน บจ. บีแอลซีพีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยบจ. บีแอลซีพีประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 1,434.0 เมกะวัตต์ และได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปีนับจากวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของบีแอลซีพีหน่วยที่ 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวจะครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ 2575 โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ภายใต้สัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาการเช่าในเดือนตุลาคม 2573 โดยบจ. บีแอลซีพีมีความประสงค์ที่จะทำการต่อสัญญาเช่ากับการนิคอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต่อไปจนครบกำหนดระยะเวลาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบีแอลซีพี ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีถือเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระที่มีกำลังการผลิตติดตั้งสูงแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ธุรกิจในประเทศลาว
สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศลาว บริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัทหงสาคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งประกอบกิจการโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี โรงไฟฟ้าหงสามีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 1,878.0 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าหงสาเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตติดตั้งสูงที่สุดและเป็นโรงไฟฟ้าปากเหมืองเพียงแห่งเดียวในประเทศลาว ทั้งนี้ บริษัทหงสาได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกฟผ. และรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ตามลำดับ เป็นระยะเวลา 25 ปีนับจากวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของหงสาหน่วยที่ 3 ในเดือนมีนาคม 2559 ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม 2584
ธุรกิจในประเทศจีน
สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศจีน บริษัทย่อยของบริษัทฯ เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม(Combined heat and power plant) ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 3 แห่งคือ
- บริษัทสือเจียจวงเฉิงเฟิงคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดซึ่งบริษัทสือเจียจวงเฉิงเฟิงประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม คือ โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมเจิ้งติ้ง ตั้งอยู่ที่มณฑลเหอเป่ย โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 73.0 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 370.0 ตันต่อชั่วโมง
- บริษัทฯ ถือหุ้นโดยทางอ้อมในบริษัทถังซานบ้านปูคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดซึ่งบริษัทถังซานบ้านปูประกอบกิจการ
โรงไฟฟ้าพลังงานร่วม คือ โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมหลวนหนาน ตั้งอยู่ที่ในมณฑลเหอเป่ย โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน100.0 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 128.0 ตันต่อชั่วโมง
- บริษัทฯ ยังถือหุ้นโดยทางอ้อมในบริษัทโจวผิงพีคคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งบริษัทโจวผิงพีคประกอบกิจการ
โรงไฟฟ้าพลังงานร่วม คือ โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมโจวผิง ตั้งอยู่ที่ในมณฑลชานตง โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 100.0
นอกจากนี้ บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในบริษัทซานซีลู่กวงซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด “อัลตรา-ซูเปอร์คริทิเคิล” (Ultra-supercritical) ตั้งอยู่ที่มณฑลซานซี โดยจะมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน1,320.0 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงมีหน่วยผลิตไฟฟ้าจำนวน 2 หน่วยการผลิตซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน660.0 เมกะวัตต์ต่อหน่วย บริษัทฯ คาดว่าหน่วยผลิตไฟฟ้าแต่ละหน่วยจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนตุลาคม 2560 และเดือนธันวาคม 2560 ตามลำดับ
โครงการในอนาคตของบริษัท
บริษัทฯ เริ่มขยายการลงทุนของบริษัทฯ ผ่านบริษัทบีพีพีรีนิวเอเบิลไชน่าบริษัทย่อยไปยังกลุ่มการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม 2559 บริษัทฯ เข้าทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการซื้อหุ้นทั้งหมดของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการจินซาน โครงการฮุ่ยเหนิง โครงการเฮ่าหยวน และโครงการฮุ่ยเอิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการให้ได้มาซึ่งหุ้นในโครงการเหล่านี้และบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการได้มาซึ่งหุ้นแล้วเสร็จภายในปี 2559 ซึ่งขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการในประเทศญี่ปุ่น โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนภายใต้โครงสร้างการเป็นหุ้นส่วนแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โครงสร้างโทคุเมอิ คุมิไอ โดยการดำเนินธุรกิจตามโครงสร้างการลงทุนแบบทีเคเป็นไปตามสัญญาระหว่างนักลงทุนและผู้ดำเนินกิจการ
ในปัจจุบัน บริษัทฯ โดยผ่านบริษัทย่อยลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นภายใต้โครงสร้างการลงทุนแบบทีเคจำนวน 7 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการโอลิมเปียซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ จังหวัดโทชิงิ และจังหวัดอิบารากิ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40.00
(2) โครงการมุกะวะซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 55.80
(3) โครงการนาริไอสึซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 75.00
(4) โครงการอวาจิซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 75.00
(5) โครงการฮิโนะซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชิงะ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 75.00
(6) โครงการยาบูกิซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 75.00
(7) โครงการโอนามิซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 75.00
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัท
ส่วนนี้สำคัญมาก สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทบ้านปูแล้ว มีผลกำไรจากส่วนแบ่งประมาณ 32 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,088 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาที่ประเทศลาว ส่วนประเทศจีนยังมีผลขาดทุนอยู่
สำหรับ BPP เป็นอย่างไรไปดูกันครับ
EBITDA ของบริษัท 3 ปีย้อนหลังดีขึ้นทุกปี ถ้าเทียบ 3 เดือนกับปี 2558 ในปี 2559 ก็ยังทำได้ดีอยู่ครับ แสดงว่าบริษัทมีการลงทุนเพิ่ม รายได้ก็เพิ่มด้วย ถ้าดูอัตรามาร์จิ้นแบบคร่าวๆก็อยู่ราวๆสัก 40% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง คือ รายได้ทั้งหมดอยู่ 6,200 ล้าน แต่กำไรอยู่ประมาณ 3,000 ล้าน ลองเปรียบเทียบกับตัวอื่นดูเช่น EGCO มีมาร์จิ้นอยู่ 36% และ GPSC มีมาร์จิ้นอยู่ประมาณ 14% ถือว่าเป็นธุรกิจที่หาได้ยากจริงๆที่จะทำให้มาร์จิ้นดีขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม นี้ก็เป้นข้อมูลคร่าวๆสำหรับนักลงทุนที่ต้องรู้เอาไว้ก่อนซื้อหุ้น สำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนแบบจริงๆควรจะอ่านข้อมูล Filling ของบริษัทให้เข้าใจก่อนว่าบริษัทจะทำอย่างไรต่อไป มีโครงการจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต รายได้จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ และโครงการที่ทำอยู่จะรับรู้รายได้ประมาณปีไหน เพราะอย่าลืมว่าการลงทุนในหุ้น คือ การที่เราเป็นเจ้าของบริษัท ถ้าตัวธุรกิจดี ตัวหุ้นก็จะดีด้วย แต่ถ้าธุรกิจไม่ดี ตัวหุ้นก็จะไม่ดีตามไป
ขอบคุณข้อมูล Filling ของบริษัท http://goo.gl/OwP4bP
เว็บไซด์ของบริษัท http://www.banpupower.com/
ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่าน Filling ของบริษัทได้นะครับ ซึ่งเป็นส่วนที่นักลงทุนจองซื้อควรอ่านเลย http://goo.gl/OwP4bP