เมื่อความสำเร็จกลายเป็นภาระ: ญี่ปุ่นรับมืออย่างไรกับนักท่องเที่ยวล้นเมือง
ญี่ปุ่นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก ด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เทคโนโลยีล้ำสมัย และธรรมชาติงดงาม กำลังเผชิญ “ด้านมืดของความสำเร็จ” เพราะเมื่อการท่องเที่ยวโตเร็วเกินไป เมืองยอดนิยมเริ่มรับไม่ไหว

หลังโควิดคลี่คลาย ญี่ปุ่นกลับมาผงาดอีกครั้ง
9 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 31.6 ล้านคน และทั้งปีคาดว่าจะทะลุ 36.9 ล้านคน สูงสุดในประวัติศาสตร์
เมืองยอดนิยม
• โตเกียว: 8.2 ล้านคน (25.9%)
• โอซาก้า: 6.5 ล้านคน (20.5%)
• เกียวโต: 4.1 ล้านคน (13.0%)
• ฮอกไกโด: 3.8 ล้านคน (12.0%)
• โอกินาว่า: 2.9 ล้านคน (9.2%)
นักท่องเที่ยว “ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด” กระจุกอยู่ใน 3 เมืองหลัก
ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวพากันไป ฮอกไกโด
ฤดูร้อนหนีร้อนไป โอกินาว่า
อย่างไรก็ตาม เมืองรองเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเพิ่ม เพราะนโยบาย “กระจายนักท่องเที่ยว” ของรัฐบาลเริ่มเห็นผลจริง
แต่ความสำเร็จนี้มีราคาที่ต้องจ่าย…
• เมืองดังอย่าง โตเกียว เกียวโต โอซาก้า แน่นขนัดเกินรับ
• ระบบขนส่งต้องเพิ่มรอบชินคังเซ็นทุกฤดูกาล
• ขยะในแหล่งธรรมชาติเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
• ราคาสินค้าท้องถิ่นพุ่งจนคนในเมืองเริ่มเอ่ยปากว่า “บ้านเราไม่เหมือนเดิม”
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเริ่ม “เปลี่ยนแนวคิด”
จาก “ท่องเที่ยวให้เยอะ” สู่ “ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”
จำกัดนักท่องเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ เก็บค่าธรรมเนียม 2,000 เยน/คน เพื่อคุมจำนวนและปกป้องธรรมชาติ
ใช้เทคโนโลยีจัดการฝูงชน แอป “Japan Travel” แจ้งความหนาแน่นเรียลไทม์และเปิดให้จองสถานที่ล่วงหน้า
ขยายเวลาเปิด-ปิดสถานที่ดัง เช่น วัดคิโยมิซุ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวในแต่ละช่วงเวลา
เปิดแคมเปญ “Enjoy Rural Japan” ดึงคนออกนอกเมือง พร้อมสิทธิ์บินฟรีในประเทศ 1 เที่ยวกับสายการบิน ANA
ผลักดัน Community-Based Tourism ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในแผนการท่องเที่ยว และรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่น
เบื้องหลังทั้งหมดคือ “ข้อมูลและ AI”
รัฐบาลญี่ปุ่นใช้ Big Data วิเคราะห์เส้นทางการเดินทาง ช่วงเวลาแออัด และพฤติกรรมผู้มาเยือน เพื่อออกแบบระบบขนส่งและการจัดการเมืองได้แม่นยำยิ่งขึ้น
แต่ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวที่ต้องรับมือกับ “นักท่องเที่ยวล้นเมือง”
หลายประเทศทั่วโลกกำลังค้นหาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การอนุรักษ์ และคุณภาพชีวิตของชุมชนเช่นกัน
อิตาลี – เมือง Venice เริ่มเก็บ “ค่าธรรมเนียมเข้าเมืองวันเดียว (Day-Tripper Fee)” สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ค้างคืนในช่วงฤดูพีค เริ่มต้นที่ 5 ยูโร หากจองล่วงหน้า และอาจเพิ่มเป็น 10 ยูโร หากจองใกล้วันเดินทาง เพื่อควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวและปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของเมือง
สวิตเซอร์แลนด์ – ใช้ “ระบบจองล่วงหน้า” สำหรับเส้นทางปีนเขาและรถกระเช้าในแถบอัลป์ เพื่อจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และบริหารจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ธรรมชาติที่เปราะบาง
เพราะในยุคที่ทุกคนอยากมาเยือนญี่ปุ่น หัวใจของความยั่งยืน ไม่ใช่แค่การต้อนรับคนจำนวนมาก แต่คือ การจัดสมดุลระหว่างผู้มาเยือน และชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่จริง
ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยน “วิกฤตนักท่องเที่ยวล้นเมือง” ให้เป็น “โอกาสสร้างสมดุล” ระหว่างเศรษฐกิจ การอนุรักษ์ และคุณภาพชีวิตของคนในชาติ
“การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่การเดินทางไปสถานที่ใหม่ แต่คือการรักษาความงดงามของโลกให้คงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป”
.
เรื่องและภาพ: สิทธิศักดิ์ ชุณหรุ่งโรจน์ Economist, Bnomics
════════════════
ทีมา.. Bnomics by Bangkok Bank