ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ไซโน โลจิสติกส์ฯ” หรือ SINO เตรียมเข้าตลาดหุ้น

โดย theMENU
เผยแพร่ :
67 views

“ไซโน โลจิสติกส์ฯ” หรือ SINO

เตรียมเข้าตลาดหุ้นในเดือนมิ.ย. นี้

ลุยขยายเส้นทางขนส่ง - ทำ M&A

.

SINO คาดเสนอขายหุ้น IPO และเข้าเทรดในตลาดหุ้นภายในเดือนมิ.ย. 66 หลังสำนักงานก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง พร้อมนำเงินขยายเส้นทางขนส่งสินค้าให้ครอบคลุม พร้อมทำดีล M&A ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หนุนผลงานเติบโตก้าวกระโดด เผยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา

.

นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า หลังจาก SINO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 292 ล้านหุ้น

.

ทั้งนี้ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 23.08% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท และ 2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง จำนวนไม่เกิน 52,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 5% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง จากแผนการลงทุนขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศในอาเซียน ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท

.

“SINO ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากปริมาณออเดอร์ที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องการใช้เงินทุนเพื่อขยายกิจการให้เติบโตสอดคล้องกัน ซึ่งภายหลังจากสำนักงานก.ล.ต. อนุมัติไฟลิ่ง คาดว่าบริษัทจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ได้ราวเดือนมิ.ย. 66 และคาดว่าจะเข้าเทรดใน SET ได้ภายในเดือนมิ.ย. เช่นกัน”

.

ด้านนายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO กล่าวว่า ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทยังคงเน้นการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) ต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมการขนส่งในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น รวมถึงการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) จากการเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยบริษัทต้องการขยายการขนส่งสินค้าทางอากาศให้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา

.

สำหรับปี 2566 บริษัทยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ธุรกิจให้บริการเช่าคลังสินค้า และธุรกิจให้บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ให้มีสัดส่วนรายได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 94%

.

ส่วนแนวโน้มค่าระวังเรือ บริษัทเชื่อว่าค่าระวางเรือผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อ้างอิงจากดัชนี SCFI (Shanghai Containerized Freight Index) ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นแต่อาจไม่ได้ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงเหมือนช่วงเดือนธ.ค. 64 ทั้งนี้ ปริมาณออเดอร์เริ่มกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทต้องบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่สูงขึ้น คาดว่าปีนี้อาจจุดพีคในไตรมาส 3/66 และ 4/66 เพราะแม้ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจอเมริกาที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มองว่าสินค้าที่มีความจำเป็นต้อการดำเนินชีวิตยังมีความต้องสูงต่อเนื่อง

.

โดยสิ้นปี 2565 บริษัทมีสภาพคล่องในระดับสูงราว 690 ล้านบาท ซึ่งนำไปชำระคืนหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้หนี้สินดังกล่าวปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.17 เท่า จากเดิมที่ 0.35 เท่า

.

ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร (Integrated Logistics Service Provider) จากการให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมถึงการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และการให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในการให้บริการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก (End-to-End Global Logistics)

.

ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง ในช่วงปี 2562-2565 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการรวมทั้งสิ้น 627.98 ล้านบาท 883.57 ล้านบาท 4,683.41 ล้านบาท และ 5,906.53 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 165.62% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลคิดเป็น 87.55%, 91.47% 97.97% และ 97.50% ขณะที่ส่วนที่เหลือมาจากการบริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศและการให้บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์

 

 


theMENU