ห้องเม่าปีกเหล็ก

เทรดเดอร์

โดย ningnongna
เผยแพร่ :
63 views

สิ่งที่ผมกลัวที่สุดในชีวิตกคือ "ความอัตคัด"

ผมเลยไม่ค่อยจะได้มีชีวิตวัยรุ่นสักเท่าไหร่นักเพราะเหตุว่าสุขสบายกับการหารายได้ ผมทำมาเรื่อยตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย ได้รายได้ที่ดีพอเหมาะพอควร เดือนหนึ่งก็มีเงินหมื่นมาให้ใช้ ซึ่งนับว่ามากเมื่อเทียบกับคนภายในวัยนั้น ในที่สุด ตอนตอนเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทจำต้องปิดคลื่นวิทยุออกไปหนึ่งคลื่น ทำให้จำต้องปลดบุคลากรออก ผมเองก็เป็นเพียงแค่บุคลากรพาร์ทไทม์ ก็เลยทำให้เป็นกรุ๊ปแรกที่โดนปลด เห็นด้วยตามจริงเลยว่า ทีแรกๆคนใดกันถาม ว่าเพราะเหตุไรไม่ไปจัดรายการ ผมก็พูดว่าโดน Lay off คำนี้กล่าวแล้วฟังดูดี แม้กระนั้นใจความสำคัญก็คือโดนไล่ออกนั่นแหละ 555 แต่ว่าด้วยความเขินอายในความไม่ประสบผลสำเร็จ มันไม่ต้องการที่จะอยากบอก ไม่ต้องการที่จะอยากชี้แจง มันเป็นความทรุดโทรมของชีวิต ขอได้ไหม อย่าถาม! สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ คนเคยมีรายได้แล้วเงินมันขาดมือ อย่างนี้มันทนไม่ไหวยังไงครับผม ผมเลยคิดย้อนไปยุคที่ผมอยู่ มัธยม6 ผมเอาเงินแต๊ะเอียไป ซื้อหุ้น เนื่องจากว่าแม่บอกให้ซื้อ แม่ผมเล่นหุ้นขำๆกับกรุ๊ปเพื่อนฝูง สไตล์หา ค่าน้ำประปาชา ปรากฎว่าหุ้นตัวแรกที่ผมซื้อ ได้กำไรมา 7.000 บาทจากเงิน ต้น 50.000 บาท มันทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ออ! พวกเราเคยได้ตังค์ทางนี้นี่หว่า โน่นก็เลยเป็นจุดเริ่มแรกที่ทำให้ผมเข้ามาเรียนในตลาดทุนอย่าง เป็นจริงเป็นจัง แต่ว่าในระหว่างนั้นก็มีเหตุการณ์กลับกลายต่างๆเกิดมากมาย มีความย่ำแย่ที่เป็นแผลฝังใจผมกระทั่งรู้ดี  Pussy888

ก่อนสำเร็จการศึกษามหาลัย จะหารายได้ก้อนปริมาณเจ็ดหลักมาวางให้มองที่บ้านจะได้เลิกพร่ำบ่นชะที่! เนื่องจากนี่เป็นฝันของพวกเรา! นี่เป็นทางออกของชีวิต!

จำต้องเกริ่นก่อนว่าทางครอบครัวผมค่อนจะแอนตี้อาชีพหารายได้ในตลาด เพราะว่าไม่รู้เรื่องมัน คิดว่าเป็นเงินหมุนเวียนเร็ว  อันตราย เสี่ยง ทำให้ผมมิได้รับการผลักดันและส่งเสริมการเล่นหุ้นเป็นอาชีพ แม้กระนั้นผมก็ไม่ค่อยห่วงใยเท่าใดเนื่องจากว่าเป็นคนห่ามๆอยู่แล้ว ก็เลยได้ตั้งประณิธานเอาไว้ว่าก่อนจบการศึกษามหาลัย จะหารายได้ก้อนปริมาณเจ็ดหลักมาวางให้มอง ที่บ้านจะได้เลิกพร่ำบ่น ซะหน! เพราะเหตุว่านี่เป็นฝันของพวกเรา! นี่เป็นทางออกของชีวิต! ผมแอบเล่นหุ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมสามารถหารายได้ในตลาด ทุนไปถึงกับขนาดที่กำลังจะถึงวัตถุประสงค์แรกได้แล้ว อีกน้อยมากเอง ท้ายที่สุดพอร์ต ก็พังทลายมิได้พังทลายปกติครับผม แม้กระนั้นพังทลายยับ เรียกกล้วยๆว่าที่ทำมาทั้งผองถึงกับขนาด ติดลบด้วย ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมันเป็นอารมณ์ที่รับประทานมิได้ นอนไม่หลับ หิวก็หิว แม้กระนั้นกินไม่ลง นอนหัวถึงหมอน ก็ร้องไห้ มันเจ็บจนกระทั่งซึ้งเลย ผมถามตนเองว่ากล่าวอย่างไรดีวะ? อย่างไรต่อ?ท้ายที่สุดพอเพียงขอคำแนะนำผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็ได้บทสรุปว่าถ้าหากจะเลิกก็ให้เลิกที่ในเวลานี้เลย แล้วดำรงชีวิตไปทางอื่น ในที่สุดผมได้คำตอบว่าสู้ต่อโว้ย!ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาขอให้เป็นบทเรียนเจ็บ แล้วจำต้องจำ ผมก็เลยกลับไปสู่สังเวียนตลาดทุน พร้อมการศึกษาเล่าเรียนอย่างเป็นจริงเป็นจัง อีกรอบ ครั้งนี้หวังให้การลงทุนเป็นที่พึ่งพิงของชีวิตอย่างยิ่งจริงๆ ตลาดทุนสอนอะไรผมไว้เยอะมากผมได้ศึกษาชีวิตรู้จักตนเองมากมาย ขึ้นทำให้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆจนกระทั่งเริ่มลูบคลำทางให้ตนเองมีความเห็นว่า พวกเราสามารถอยู่รอดในตลาดทุนได้ ถ้าหากพวกเรามีความรู้ความสามารถที่ถูก ผมมีประณิธานอย่างหนึ่งว่า "จะทำอะไรก็แล้วแต่ พวกเราจำต้องสุดให้ได้ใน สายอาชีพ" เนื่องจากคิดว่าคนรอบข้างพร่ำบ่นกันอย่างมากว่าเพราะอะไรยังไม่ประสบผลสำเร็จสักครั้ง แต่ว่าผมมองไม่เห็นขาจะขมักเขม้นๆสำหรับในการดำเนินการเลยหากคุณเป็นแพทย์ ปัญหาเป็นเป็นแพทย์ในโรงหมอที่ยอดเยี่ยมแล้วหรือยัง? หากคุณเป็นทนายความ คุณเป็นทนายความที่เหมาะสมที่สุดแล้วหรือยัง? ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรอยู่ คุณได้มานะทำให้สุดในสายอาชีพของคุณแล้วหรือยัง?ผมต้องการที่จะให้ทดลองเสนอคำถามกับตนเองสั้นๆทุกเมื่อเชื่อวันว่า"วันนี้พวกเราสุดแล้วหรือยังกับสิ่งที่ทำอยู่?"ถ้าหากรู้สึกว่ายังทำไม่สุด อย่าโทษชะตาชีวิตว่เพราะเหตุใดไม่เป็นผลสำเร็จสักครั้ง ไปลงมือกระทำให้สุดก่อนว่าแต่ว่า...วันนี้คุณสุดแล้วรึยังขอรับ?


ningnongna