ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 463.66 จุด, S&P500 ทำนิวไฮ รับคาดการเฟดหั่นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพุธ (13 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันวันที่สอง โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,922.27 จุด เพิ่มขึ้น 463.66 จุด หรือ +1.04%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,466.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.82 จุด หรือ +0.32%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,713.14 จุด เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.14%
นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดใกล้จะเข้าสู่วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.7% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ 100% ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. เช่นเดียวกับที่นักวิเคราะห์ของโนมูระ โฮลดิงส์ คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลงและความเสี่ยงจากเงินเฟ้อลดน้อยลง โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งหลังสุดในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ทางด้านสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสิเนส (Fox Business) ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. เมื่อพิจารณาจากตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอลง
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.7% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้น 1.58% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.48% และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 0.44%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน ขณะที่นักลงทุนเริ่มหันไปสนใจหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากหุ้นเทคโนโลยี หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นจากการนำของกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มูลค่าของดัชนี S&P500 สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia), หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) และหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งต่างก็เป็นหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven ปิดตลาดปรับตัวลง ส่วนหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากสื่อรายงานว่าแอปเปิ้ลกำลังวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน และจอแสดงผลอัจฉริยะ (smart displays)
หุ้นคอร์วีฟ (CoreWeave) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูล AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากอินวิเดีย ร่วงลงเกือบ 21% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงเกินคาด
หุ้นพาราเมท์ สกายแดนซ์ (Paramount Skydance) ทะยานขึ้น 36.7% หลังจากบริษัทได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดรายการ "Ultimate Fighting Championship" เป็นเวลา 7 ปี
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.3% ในเดือนมิ.ย. และคาดว่าดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย.