รู้ไหมว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละประมาณ 550,000 ล้านบาท
และถ้าเราเอาหนี้ของทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นหนี้ภาครัฐบาลและหนี้ภาคเอกชน ในตอนนี้มารวมกัน
จะมีมูลค่าสูงถึง 7,600 ล้านล้านบาท
ซึ่งมากกว่า GDP ของทั้งโลกที่ 2,600 ล้านล้านบาท เกือบ 3 เท่า

ปัจจุบัน โลกเรามีประชากรประมาณ 7,700 ล้านคน หมายความว่า
ทุกคนบนโลกนี้ต้องแบกหนี้เฉลี่ยคนละเกือบ 1,000,000 บาท
ซึ่งแต่ละคนบนโลกนี้มีรายได้เฉลี่ยเพียง 340,000 บาทต่อปีเท่านั้น
ดังนั้น ประชากรโลกกำลังมีปัญหาเรื่องหนี้ อย่างที่ทุกคนคิดไม่ถึง

ทำไมหนี้ทั่วโลกถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนั้น
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

สาเหตุแรกที่ทำให้หนี้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน

นับตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพรม์ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา
ธนาคารกลางของหลายประเทศใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เพราะเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและชะลอตัว

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของสวิตเซอร์แลนด์ติดลบมาตั้งแต่ปี 2015 ปัจจุบันอยู่ที่ -0.75%

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของญี่ปุ่นติดลบมาตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันอยู่ที่ -0.1%

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของธนาคารกลางยุโรปนั้นตั้งแต่ปี 2016 อยู่ที่ 0%

และที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.0% - 0.25% ตั้งแต่ปี 2008-2015 ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายการเงินลักษณะนี้

พอเรื่องเป็นแบบนั้น จึงทำให้อัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ

ภาครัฐบาล และภาคเอกชนจึงมีการก่อหนี้กันอย่างมหาศาล
จนนำไปสู่ปริมาณหนี้ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปี 2009 หนี้ทั่วโลกมีจำนวน 5,600 ล้านล้านบาท
ปี 2019 หนี้ทั่วโลกมีจำนวน 7,600 ล้านล้านบาท

 

ในระยะเวลา 10 ปี หนี้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 2,000 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 550,000 ล้านบาท

เรื่องนี้จึงทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนหลายแห่งทั่วโลกกำลังมีหนี้จำนวนมหาศาลอยู่ในมือ

อิตาลี ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก มีหนี้สาธารณะต่อ GDP เท่ากับ 135%

จีน มีหนี้สินของภาครัฐและภาคเอกชนรวมกันกว่า 1,220 ล้านล้านบาท คิดเป็น 16% ของหนี้สินทั้งโลก หรือเกือบ 3 เท่าของ GDP จีน

ในด้านหนี้ของภาคเอกชน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนว่า หนี้ของบริษัทเอกชนในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน มีจำนวนรวมกันกว่า 574 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 22% ของ GDP ทั้งโลกนั้นกำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวในปัจจุบัน

ในส่วนของภาครัฐ
จริงอยู่ที่ว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนั้น บางส่วนก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลหลายแห่งต้องทำ เนื่องจากช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว การจัดเก็บภาษี ซึ่งเป็นรายได้หลักของรัฐบาลนั้นอาจไม่ได้ตามเป้า

ดังนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยกำลังต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ การกู้ยืมเพื่อมาพัฒนาประเทศ และลงทุนในโครงการต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจมาจากการออกพันธบัตรรัฐบาลหรือการไปกู้ยืมเงินในต่างประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นหลายประเทศมีหนี้สาธารณะสูงเมื่อเทียบกับ GDP

ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นก็น่าจะทำให้สัดส่วนหนี้เมื่อเทียบกับรายได้ลดลงในเวลาต่อมา

แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้เศรษฐกิจยังชะลอตัว ในขณะที่หนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นเหมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่
ที่นับถอยหลังรอวันที่ทุกอย่างฝืนต่อไปไม่ได้
ในวันนั้น เราอาจจะเห็นการ RESET บางอย่าง ที่เราทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร..
----------------------

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก