ชูหุ้นตัวท็อปกลุ่มโรงพยาบาล
การันตีผลงานแจ่ม ดันราคาพุ่ง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มโรงพยาบาล ที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานออกมาอย่างโดดเด่น หลังจากมองว่า EBITDA จะเติบโตเร่งตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยหุ้นตัวที่คาดว่าจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ทำการคัดเลือกมาคือบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS
โดยราคาหุ้น BH ยังมีอัพไซด์ 9.29% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 200 บาท ด้าน P/E อยู่ที่ 37.62 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่ากลุ่มการแพทย์ซึ่งอยุ่ที่ 40.42 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ม.ค.60)
ด้าน ราคาหุ้น BDMS ยังมีอัพไซด์ 5.33% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 23.70 บาท ด้าน P/E อยู่ที่ 41.20 เท่า ซึ่งถือว่าสูงกว่ากลุ่มการแพทย์ซึ่งอยุ่ที่ 40.42 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ม.ค.60)
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์โดยยืนยันว่าหุ้นที่ชอบคือ BH (แนะนำ "ซื้อ" มูลค่าเหมาะสมที่ 200 บาท อิงจาก EV/EBITDA 22 เท่าปี 60) มากกว่า BDMS (แนะนำ "ถือ" มูลค่าเหมาะสมที่ 23.7 บาท อิงจาก EV/EBITDA 24 เท่า ปี 60) ถึงแม้ BH ยังคงเผชิญแรงกดดันจากจำนวนผู้ป่วย Middle-east ที่ชะลอตัว แต่บริษัทยังคงขยายเครือข่ายโรงพยาบาล และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ถึงแม้ราคาหุ้น BH จะปรับตัวขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงมองมีโอกาสสร้างความประหลาดใจในแง่บวกอยู่ เนื่องจากความคาดหวังของนักลงทุนในหุ้นตัวนี้อยู่ในระดับต่ำ และการประเมินมูลค่ายังไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับอดีต
ขณะที่คาดกำไรไตรมาส 4/59 ขยายตัวเพียง 5%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจาก 16%ในไตรมาส 3/59 ซึ่งเป็นผลจาก BH ได้ประโยชน์จากจำนวนลูกค้าที่ลดลงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดในช่วงไตรมาสนี้ แต่จำนวนผู้ป่วย Middle-east ที่ชะลอตัว
สำหรับ BDMS คาดกำไรไตรมาส 4/59 จะลดลง 4% จากปีก่อนนับเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/58 จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และจำนวนคนป่วยลดลง อย่างไรก็ตามคาดปีนี้จะเป็นปีที่ดีขึ้นมากสำหรับ BH และ BDMS โดยคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นจะขยายตัว 18-17% ตามลำดับ โดย BH มาจากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 8% จากปีก่อนจากการปรับขึ้นราคาค่าบริการ และการปรับส่วนผสมในการรักษา และ EBITDA margin ที่คาดว่าจะสูงขึ้น 150bps ส่วน BDMS คาดรายได้เติบโต 10% EBITDA margin ที่เพิ่มขึ้น 10bps เป็น 21.7% และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
ทั้งนี้ยังคงแนะนำ "ซื้อ" BH และ "ถือ" BDMS โดยเชื่อว่าราคาหุ้น BH ที่ซื้อขาย EV/EBITDA ที่ 20 เท่า ยังเป็นระดับที่น่าสนใจ (สอดคล้องกับหุ้นโรงพยาบาลในภูมิภาคนี้ และเป็นกรอบของการซื้อขายในอดีต) ขณะที่มอง EBITDA จะเติบโตเร่งตัวขึ้นในปีนี้ จะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้
สำหรับ BDMS ปรับลดมูลค่าเหมาะสมลง 4% มาที่ 23.7 บาท และยังแนะนำให้ "ถือ" มองผลประกอบการในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้ายังไม่มีความน่าตื่นเต้น ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ EV/EBITDA ที่ 23เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย และมี EBITDA ขยายตัว 10% ในปีนี้ ถึงแม้ BDMS จะไม่แพง แต่ยังมองไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน
ที่มา..