ห้องเม่าปีกเหล็ก

ฉายภาพการลงทุนเดือนสุดท้ายของปี 65 พร้อมคัดหุ้นเด่น

โดย ฮ นกฮูก
เผยแพร่ :
242 views

ฉายภาพการลงทุนเดือนสุดท้ายของปี 65

พร้อมคัดหุ้นเด่น รับศรษฐกิจไทยโต เงินทุนต่างชาติไหลเข้า

.

เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของปี 2565 กันแล้ว นักวิเคราะห์ต่างมีการประเมินถึงเศรษฐกิจไทยที่ยังมีแนวโน้มโดดเด่นกว่าหลายๆประเทศ ขณะที่แรงกดดันตลาดการเงินโลกดูเหมือนจะผ่อนคลายลงมาเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ความเสี่ยงเรื่อง Recession ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากการเกิด Inverted Yield Curve ของ Bond 10 ปี และ 2 ปี ของสหรัฐที่ยาวนาน รวมถึงข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ว่าปี 2566 ยุโรปมีโอกาสเกิด Recession เพิ่มขึ้นเป็น 80% สหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 63% ดังนั้นบนความไม่แน่นอนแบบนี้ หุ้นกลุ่มไหนน่าเข้าสะสม คอลัมน์โพยหุ้น ประจำวันจันทร์ มีคำตอบให้นักลงทุนแล้ว

.

หากอ้างอิงการประเมินของนักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส มีความเห็นว่า แรงกดดันตลาดการเงินโลกดูผ่อนคลายลงมาระดับหนึ่ง เริ่มจาก 1.เงินเฟ้อหลายประเทศเริ่มแผ่วลง เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงติดต่อกัน 4 เดือน และไทยชะลอลงมา 2 เดือนติด ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดมีแนวโน้มลดลงจนอยู่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ตลาดคาดในกลางปีหน้าเช่นเดียวกับเงินเฟ้อไทยที่ ธปท. คาดจะเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ในปีหน้า

.

2.ดอกเบี้ยเริ่มเข้าใกล้จุดที่เหมาะสม แม้ตลาดคาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มาอยู่ที่ 4% ในเดือน พ.ย. แต่ในปีหน้ากรอบบนการขึ้นดอกเบี้ยถูกจำกัดอยู่ที่ระดับ 5.25% เห็นได้ว่าระดับการขยับขึ้นค่อนข้างจำกัด ช่วยลดความผันผวนทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน

.

อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession ชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากการเกิด Inverted Yield Curve ของ Bond 10 ปี และ 2 ปี ของสหรัฐที่ยาวนาน รวมถึงข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ว่าปี 2566 ยุโรปมีโอกาสเกิด Recession เพิ่มขึ้นเป็น 80% สหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 63% แต่ไทยยังห่างไกล และลดลงเหลือเพียง 13%

.

เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นเด่นกว่าหลายประเทศ ดังนี้ 1.สำนักเศรษฐกิจต่างประเทศ IMF, World Bank คาด GDP66F เติบโต 3.7% และ 4.3% ตามลำดับ 2.คาดดุลบัญชีเดินสะพัดมีสัญญาณการขาดดุลลดลง ทั้งจากดุลการค้าดีขึ้นจากการนำเข้าต้นทุนพลังงานที่ราคาเริ่มลดลง และดุลบริการปรับตัวดีขึ้น หลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการเดินทางข้ามพื้นที่

.

3.เงินทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังฟื้นตัว 4.ช่วงที่เหลือของปี คาดหวังแพ็คเกจใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ จากทางภาครัฐ อาทิ ช้อปช่วยชาติ เป็นต้น 5. FDI ของไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคต และล่าสุดมูลค่าเงินลงทุนต่างชาติ 9 เดือนปี 65 เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 223,746 ล้านบาท

.

ส่วน Fund Flow ต่างชาติยังคาดหวังการไหลเข้าต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังโตต่อเนื่องในปี 2566 ในมุมมองของ IMF มีเพียง 2 ประเทศในเอเชีย คือ ไทยกับจีนเท่านั้น ขณะที่เม็ดเงินจาก LTF หนุนตลาดในเดือน ธ.ค. คาดหวังได้ยาก เพราะหลังจากเปลี่ยนเป็นกองทุน SSF เม็ดเงินที่เคยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยราว 2-3 หมื่นล้านบาทในเดือนสุดท้ายของปีเหลือเพียง 1–2 พันล้านบาท

.

ในมุม Valuation ตลาดหุ้นไทย ยังดูน่าสนใจ เนื่องจากมี Market Earning Yield Gap. ที่ระดับ 4.3% แม้ภาพรวม SET Index จะมี Upside ไม่มาก จากกรอบดัชนีเป้าหมายปี 2565 ที่วางไว้ 1685–1720 จุด กลยุทธ์การลงทุน เน้นกลุ่ม Domestic Consumption แนวโน้ม เติบโตยังสดใสกว่าภาพรวมตลาด อย่าง COM7, MTC, TISCO, BEC, SCGP, GULF

.

ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีความเห็นว่า สถิติสะท้อนว่าเดือน ธ.ค. SET Index ไม่ปรับลงแรงก็มักจะขึ้นแรง สำหรับปี 2565 ให้น้ำหนักฝั่งปรับขึ้นโดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,610-1,670 จุด หนุนจากภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวและกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สะท้อนความเชื่อมั่นว่าพร้อมกับการรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้ม FED ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลง ทำให้ Dollar Index และ Bond Yield อ่อนตัว หนุนกระแสเงินทุนต่างชาติคาดว่ายังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

.

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจึงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อการเคลื่อนไหวของ SET Index ในเดือน ธ.ค. โดยประเมินกรอบที่ 1,610-1,670 จุด หนุนจากการกระแสเงินทุนต่างชาติที่คาดว่ายังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้า นอกจากนี้คาดมี Catalyst บวกเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้าที่ประชุมครม.วันที่ 6 ธ.ค. หนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ต่อเนื่อง

.

ขณะที่ Reopening Play ได้อานิสงส์จาก High Season ของนักท่องเที่ยวที่เร่งตัว กลยุทธ์แนะนำถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมไปแล้วช่วงพักฐานบริเวณ 1,580-1,600 จุด สำหรับหุ้น Top Pick 5 ตัวเดือน ธ.ค. เลือก BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

 

 

 


ฮ นกฮูก