CBG เครื่องดื่มชูกำลัง กับการโตแบบไร้ขีดจำกัด
CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) คือหนึ่งในบริษัทที่สามารถเติบโตได้แม้อยู่ในภาวะวิกฤติ สะท้อนจากผลประกอบการ 9 เดือนที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุดไตรมาส 3/63 บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า CBG ยังมีปัจจัยบวกรอบด้านที่จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ทำสถิติสูงสุดใหม่ด้วย!!
วิกฤติ Covid-19 กระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก ทำให้การปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตจึงเป็นภารกิจสำคัญของบริษัทจดทะเบียน แต่จะทำอย่างไรให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนหรือลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด ซึ่ง CBG พิสูจน์บททดสอบนั้นแล้ว จากผลประกอบการที่ยังเติบโตนับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 3/63 บริษัททำกำไรสุทธิ 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246 ล้านบาท หรือ 33.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,013 ล้านบาท หรือ 60.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การเติบโตดังกล่าวมาจากการขยายตัวของสินค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ CBG สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ 21% ซึ่งเป็นอันดับ 2 ได้ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศหดตัว 7% และเครื่องดื่มวิตามินซี วู้ดดี้ ซี+ล็อค ที่เติบในอัตราสูง มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 9% ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของตลาดฯ ตั้งแต่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าเมื่อบริษัทสร้างผลงานได้ดีเยี่ยม ผลดีย่อมสะท้อนออกมาในราคาหุ้นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-24 พ.ย. 63) ราคาหุ้นของ CBG ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 41.07% โดยราคาล่าสุดวันที่ 24 พ.ย. 63 อยู่ที่ 118.50 บาท แม้ราคาจะปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่นักวิเคราะห์มองว่ายังมี Upside อยู่และให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 181.00 บาท!!
ไตรมาส 4/63 กำไรนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุม เนื่องจาก 1. ปี 2564 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 6253 จากรายได้ต่างประเทศที่คาดจะเพิ่มขึ้น 25% และรายได้ในประเทศที่คาดจะเพิ่มขึ้น 20%, 2. โรงงาน APM (ผลิต packaging) จะเริ่ม COD ในช่วง ธ.ค. 2563 ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่ม gross profit margin ในปี 2564 ราว 1-1.5%, 3. การส่งออกไปยังเมียนมาเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2563 สินค้าที่ส่งออกไปเมียนมาสามารถส่งตรงไปยัง warehouse ได้เลย ไม่ต้องรอ transit ที่ด่าน ทำให้ลดระยะเวลาในการส่งของ ช่วยให้รับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น, 4. ในไตรมาส 4/63 ค่า sponsorship จะปรับตัวลดลงเป็น 50 ล้านบาท จากไตรมาส 3/63 ที่ 95 ล้านบาท รวมถึงมี tax shield ที่ 42 ล้านบาท คาดจะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 ทำนิวไฮที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 40% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 5. ยังมี room ที่จะขยาย gross profit margin โดย CBG มีโอกาสจะปรับสูตรเครื่องดื่มเพื่อลดภาษีน้ำตาลลง เนื่องจากเดือน ต.ค. 2564 กรมสรรพสามิตจะมีการปรับภาษีน้ำตาลขึ้น
กำไรอยู่ในขาขึ้น ปรับราคาเป้าหมายใหม่ 181 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564 ขึ้น 5% -11% โดยประเมินกำไรสุทธิปีนี้ที่ 3,775 ล้านบาท เติบโต 49% และปี 2564 ที่ 4,762 ล้านบาท เติบโต 28% ส่วนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 6% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา จากกำไรไตรมาส 3/63 ที่ดีกว่าคาด ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ 2564E PER 25.4x (ใกล้เคียง -0.75SD below 5-yr avg PER) ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อมั่นว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนแนวโน้มของกำไรที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมี 22562–2565E EPS CAGR ที่ 32% อีกทั้ง CBG ยังมี Upside จากการปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อลดน้ำตาล, รายได้ วู้ดดี้ ซี+ล็อค ที่ดีกว่าคาดและรายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากกว่าคาด
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 181.00 บาท อิง 2564E PER 38.0x ใกล้เคียง 5- yr avg. PER (เดิม 170.00 บาท อิง 2564E PER 38.0x)
ต้องมารอติดตามกันว่า CBG จะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามที่นักวิเคราะห์และผู้บริหารประเมินได้หรือไม่!!
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก