Jim Rogers ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ เฮดจ์ฟันด์ ดังนี้คือ :
เฮดจ์ฟันด์กองแรกเกิดขึ้นในโลกในปี ค.ศ 1949 โดยอัลเฟรด วินสโลว์ โจนส์ กองทุน เอ ดับเบิลยู โจนส์ยังอยู่ตอนที่เราเริ่มกองทุนของเราเอง และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน กองทุนนี้ประสบผลสําเร็จอย่างสูงในทศวรรษที่ 50 และ 60 เราใช้โครงสร้างการจ่ายผลตอบแทนแบบเดียวกับที่โจนส์คิดขึ้นและคนอื่นๆก็ใช้มันเข่นเดียวกัน ณ ตอนนั้น
ความแตกต่างหลักระหว่างเฮดจ์ฟันด์กับกองทุนรวมนั้นอยู่ที่ความสามารถในการป้องกันความเสียง ( Hedge ) ตามชื่อของกองทุน เฮดจ์ฟันด์สามารถขายชอร์ต ( Short ) ได้ กองทุนรวมในสหรัฐจะซื้อหุ้นอย่างเดียว พวกเขาเล่นขาขึ้น ( Long ) ได้เท่านั้น พวกเขาถูกจํากัดโดยกฏการจ่ายผลตอบแทนโดย ก.ล.ต. ให้เก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่ตํ่า และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กู้ยืมเงินนั่นคือพวกเขาซื้อด้วยมาร์จิ้น ไม่ได้ เฮดจ์ฟันด์สามารถซื้อด้วยมาร์จิ้นได้และพวกเขาสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ เราเรียกเก็บค่าบริหารจัดการประจําปีอยู่ที่ร้อยละหนึ่งจากสินทรัพย์ทั้งหมด กองทุนรวมอาจจะเรียกเก์บอยู่ที่ร้อยละ 0.5 เราเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นรางวัลจูงใจที่ร้อยละ 20 จากกําไรสะสมทั้งหมด ซึ่งเป็นมาตรฐานในการจัดเก็บในช่วงนั้น
โดยหลักการแล้วเฮดจ์ฟันด์จะทํากําไรได้ตลอดเาลาทั้งในปีที่ดีและปีที่แย่เพราะพวกเขาสามารถเล่นขาลงได้ และนั่นเป็นเหตุผลในการมีค่าธรรมเนียมเป็นรางวัลจูงใจ ถ้าคุณจัดการได้ดีจะทําเงินได้มหาศาล ถ้าคุณทํากําไรไม่ได้เลยนักลงทุนก็ไม่ต้องจ่ายเงินให้คุณเลย แต่เมื่อใดที่คุณทํากําไรได้มากนักลงทุนก็ยินดีที่จะจ่ายรางวัลร้อยละ 20 ให้คุณ เพราะพวกเขาก็ทําเงินได้มากไปด้วยเช่นกัน
ผม ( หมายถึง Jim Rogers ) และ George Soros ก่อตั้งควอนตัมฟันด์ขึ้นบนสํานักงานเล็กๆ ใน ปี ค.ศ 1973 โดย George Soros เป็นหุ้นส่วนหลัก ส่วนผมเป็นหุ้นส่วนรอง ควอนตัมฟันด์เป็นเฮดจ์ฟันด์ที่เชี่ยวชาญในการลงทุนในต่างประเทศสําหรับนักลงทุนต่างชาตืที่ไม่ต้องเสียภาษีเพื่อความเท่าเทียมทางผลประโยชน์ บริษัทจดทะเบียนที่เนเธอร์แลนด์ แอนทีลีส เราซื้อและขายชอร์ตในหุ้น โภคภัณฆ์ สกุลเงิน และพันธบัตรในทุกที่ทั่วโลก เราลงทุนในที่ที่คนอื่นไม่ทํา แสวงหาประโยชน์จากตลาดที่ยังไม่มีไครเข้าใช้ประโยชน์ทั่วโลก ผมทํางานโดยไม่หยุด สร้างความชํานาญให้ตัวเองในเรื่องการไหลของทุน โภคภัณฆ์ วัตถุดิบและข้อมูลข่าวสารทั่วโลก
ใน ปี ค.ศ 1974 มีเฮดจ์ฟันด์เหลืออยู่บนโลกแค่หยิบมือเดียว เฮดจ์ฟันด์มีอยู่ไม่มากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น และส่วนใหญ่ต้องเลิกกิจการไปเพราะวอลสตรีทเป็นสถานที่ที่แย่มากในการทําเงิน และไม่กี่กองที่เหลืออยู่ก็เลือกลงทุนในสหรัฐเป็นหลัก เราเป็นเฮดจ์ฟันด์กองเดียวที่ลงทุนในระดับนานาชาติ โดยทฤษฏีแล้วคนที่จัดการเฮดจ์ฟันด์เป็นคนที่ฉลาด แต่กลับไม่มีไครลงทุนในต่างประเทศ ณ ขณะนั้น มีไม่กี่คนในตอนนั้นที่สามารถหาเบลเยี่ยมเจอในแผนที่ ไม่ต้องพูดถึงการเข้าใช้ประโยชน์จากมัน
( เนืองจากเนื้อหายาวเกินไป จึงขอนําข้อมูลที่เหลือไปโพสต์ในตอนที่ 2 และเป็นตอนจบ )