ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มแบงก์กำไรโตแค่ไหน?

โดย BUDDY
เผยแพร่ :
159 views

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นกลุ่มแรกในตลาดหลักทรัพย์ที่จะประกาศผลประกอบการรายไตรมาส ภายใน 15 วันหลังปิดไตรมาสนั้นๆ และบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นจะทยอยประกาศตามมาภายใน 45 วันหลังปิดไตรมาส

.

.

ผลการดำเนินงานของกลุ่มสถาบันการเงินเป็นสิ่งที่สะท้อนได้ถึงภาวะของเศรษฐกิจในขณะนั้น เพราะการเติบโตของกลุ่มจะผันแปรตามวงจรเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ถ้าอยู่ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวมีการลงทุนหรือขยายการลงทุน จะทำให้ผู้ประกอบการมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัวก็จะกระทบถึงความต้องการสินเชื่อเช่นกัน

.

.

ความเห็นจากนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ซึ่งออกบทวิจัยประเมินกำไรของหุ้นกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 1/66 มีความเห็นตรงกันว่า กลุ่มแบงก์จะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นได้ในเทียบจากไตรมาส 1/65 และเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าคือ ไตรมาส 4/65 ซึ่งมีฐานกำไรเติบโตต่ำ เนื่องจากธนาคารมีการเร่งตั้งสำรองสูงกว่าปกติ

.

.

ฝ่ายวิจัยของบล.หยวนต้า คาดกำไรกลุ่มธนาคารใน Q1/66 ที่ 45,055 ลบ. เพิ่มขึ้น 1.9% YoY และฟื้นตัวเด่น 36.1% QoQ โดยมีแรงหนุนหลักๆ จาก

.

.

1.การตั้งสำรองที่คาดผ่อนคลายลง QoQ เนื่องจากใน Q4/65 ธนาคารบางแห่งมีการตั้งสำรองที่เร่งตัวสูงกว่าปกติมาก เช่นบมจ.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี รวมถึงบมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่มีการตั้งสำรองในกรณีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติ ขณะที่แนวโน้มการชำระเงินคืนของลูกหนี้ในช่วง Q1/66 คาดยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเริ่มเห็นผลบวกจากการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ. ทำให้คาดจะไม่มีแรงกดดันให้ต้องเร่งตั้งสำรองเหมือนกับ Q4/65

.

.

2.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง QoQ ตามผลของฤดูกาลและการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนา IT ต่างๆจำนวนมากใน Q4/65

.

.

3.คาดรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับดีขึ้นแม้พอร์ตสินเชื่อโดยรวมจะชะลอตัวลง จากการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้บริษัทขนาดใหญ่ในช่วงต้นปี แต่คาดจะถูกชดเชยได้ด้วยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ที่เร่งตัวขึ้น สอดรับกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ที่เร็วกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

.

.

ส่วนบล.เคจีไอ คาดกำไรกลุ่มธนาคารใน Q1/66 จะเพิ่มขึ้น 34% QoQ และ 6% YoY ซึ่งกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง QoQ สะท้อนถึงฐานกำไรที่ต่ำใน Q4/65 ของ KBANK เนื่องจากมีการกำหนด credit cost ก้อนใหญ่ และ SCB เพราะมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานก้อนใหญ่ ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง YoY สะท้อนถึงสมมติฐานกำไรจากการวัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและตลาดทุนที่ลดลง

.

.

#ธนาคารขนาดใหญ่คาดจะเห็นกำไรเร่งตัวขึ้นมากเมื่อเทียบQoQนำโดยKBANK

-KBANK คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 9,275 ลบ. ลดลง 17.3%YoY เพราะยังถูกกดดันจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 190.7%QoQ ฟื้นตัวแรงจากฐานต่ำ เนื่องจากคาดการตั้งสำรองจะผ่อนคลายลงจาก Q4/65 ที่มีการเร่งสำรองตามนโยบาย Balance Sheet Clean Up เพื่อเร่งการไหลเวียนของลูกหนี้ที่มีความสามารถในการช าระเงินอ่อนแอ

.

.

-SCB คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 10,072 ลบ. เพิ่มขึ้น 0.3% YoY และเพิ่มขึ้น 41% QoQ หลังผ่านพ้นการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มและการตั้งสำรองในกรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติไปแล้ว ขณะที่คาดธุรกิจในกลุ่ม Consumer Finance จะเริ่มขยายตัวมากขึ้น ช่วยให้ NIM ของกลุ่มปรับขึ้นได้ดี

.

.

-บมจ.ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ที่มีผลดำเนินงานโตดีทั้ง YoY และ QoQ คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 8,848 ลบ. เพิ่มขึ้น 24.3% YoY และเพิ่มขึ้น 16.9%QoQ หนุนด้วยการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนเหมือนใน Q4/65 หลังผ่านการ Mark to Market ไปแล้ว และคาดค่าใช้จ่ายจะปรับลดลงตามผลของฤดูกาล

.

.

-บมจ.ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 8,837 ลบ. เพิ่มขึ้น 0.7%YoY, และเพิ่มขึ้น 9%QoQ คาดกำไรสุทธิทรงตัว ส่วน QoQ ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงตามผลของฤดูกาล ส่วนการตั้งสำรองคาดผ่อนคลายลงเช่นกัน เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพดี

.

.

-บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 7,678 ลบ. เพิ่มขึ้น 7.8% ลดลง 0.2% QoQ

-บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP จะมีผลดำเนินงานฟื้นตัวแรงจากฐานต่ำ คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 2,222 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.1%YoY, และเพิ่มขึ้น 55.4%QoQ หลังไม่มีบันทึกสำรองสำหรับกรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติเหมือนใน Q4/65 ส่วนพอร์ตสินเชื่อยังเห็นการขยายตัวต่อเนื่องทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองเด่นกว่ากลุ่ม

.

.

-บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 1,913 ลบ. เพิ่มขึ้น 6.5%YoY, และเพิ่มขึ้น 5.9%QoQ คาดได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับขึ้น จากกลยุทธ์ปรับสัดส่วนสินเชื่อมาเน้นกลุ่มที่เป็น High Yield มากขึ้น คาดการตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายจะปรับตัวลงทำให้กำไรมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น QoQ

.

.

-บมจ.ธนาคารทหารไทย หรือ TTB คาดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 3,877 ลบ. เพิ่มขึ้น 21.3%YoY, และเพิ่มขึ้น 0.8% QoQ ซึ่งการเติบโตของกำไรไม่โดดเด่น เนื่องจากยังคงความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ สะท้อนจากพอร์ตสินเชื่อที่ทรงตัว และได้รับผลจาก NIM ที่ลดต่ำลง

.

.

สำหรับคำแนะนำลงทุนของบล.หยวนต้า ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด” คาดเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ Valuation ไม่แพง มองราคาหุ้นที่ปรับลงมาจาก Sentiment ลบของธนาคารในต่างประเทศเป็นจังหวะสะสมที่ดี หุ้นแนะนำเลือก BBL(TP@190) เป็น Top Pick ของกลุ่ม จากผลดำเนินงานใน Q1/66 ที่คาดโตดีทั้ง YoY และ QoQ บวกกับคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อที่แข็งแรงกว่าธนาคารอื่น

.

.

ด้านบล.เคจีไอ มองว่า ยังคงเป็นห่วงประเด็นความผันผวนของตลาดทุนโลก ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลขาดทุน FVTPL โดยเฉพาะในส่วนของ BBL และ KBANK ในขณะที่กำไร FVTPL ของ KTB SCB TISCO KKP อาจจะลดลง จึงยังคงมองบวกอย่างระมัดระวังกับกลุ่มธนาคาร และแนะนำให้เลือกซื้อเป็นรายตัวได้แก่ BBL และ KTB

*YoY เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน *QoQ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

.

 

 


BUDDY