ในช่วง 6 เดือน BJC ดิ่งแรง 17%
นักวิเคราะห์ ยังแนะนำให้ “ซื้อ”
เหตุได้อานิสงส์รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ

.
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เป็นอีกหนึ่งหุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไป ด้วยลักษณะของธุรกิจที่อิงตามภาคการบริโภคที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปีเป็นตัวสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางตามไปด้วย
.
แต่อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลความเคลื่อนไหวราคาหุ้นดังกล่าว ทาง Wealthy Thai พบว่าในช่วง 6 เดือนย้อนหลังถึงปัจจุบัน (วันที่ 22 มีนาคม 2566 - 21 กันยายน 2566) ปรับตัวลดลงมากว่า 16.99% หรือลงมาอยู่ที่ระดับ 31.75 บาท แต่การปรับตัวลงดังกล่าวจะเป็นโอกาสให้สะสมได้หรือไม่ ทางจะพาไปดูมุมมองของผู้เชี่ยวชาญกัน
.
บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 44 บาท เนื่องจากแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 66 จะเริ่มเห็นยอดขายและมาร์จิ้นที่เติบโตได้ทุกธุรกิจโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ ทำให้กำไรจะโตได้โดดเด่น นอกจากนั้นประเมินจะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่จะดีขึ้นหากรัฐบาลมีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
.
ส่วนแผนการชะลอขายไอพีโอของ BRC โดยบริษัทยังไม่มีกำหนดการใหม่ที่แน่ชัด ทำให้ประโยชน์จากการ unlock value ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของ BJC ถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว แต่อย่างไรก็ดี ประเมินว่าปัจจัยบวกดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรในปี 2566-2567 ของ BJC เนื่องจากยังไม่ได้รวมปัจจัยบวกดังกล่าวเข้ามาในประมาณการ
.
โดยในเชิงพื้นฐานยังคงมุมมองเดิมที่คาดกำไรครึ่งปีหลังปี 66 จะโตดีกว่าครึ่งปีแรกปี 66 เนื่องจากบรรจุภัณฑ์จะกลับมาโตหลังเริ่มใช้วัตถุดิบชุดใหม่ ขณะที่ BigC โตเพิ่ม จากผลบวกจากการปรับสาขารับนักท่องเที่ยว, รับรู้ค่าไฟลงเต็มไตรมาสและรายได้พื้นที่เช่าที่จะเร่งขึ้น จึงยังคงประมาณการกำปี 66 ที่ 5.7 พันล้านบาท ปรับขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า
.
ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 42 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลังปี 66 และปี 2567 เนื่องจาก BigC จะเติบโตได้ดีหลังปรับปรุงสาขาที่เน้นนักท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ลดลง
.
ขณะที่กำไรปี 67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยคาดว่าการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการที่บิ๊กซีมีสาขากว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศไทย จึงคาดว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้อานิสงส์จากโครงการ Digital Wallet ของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 1/66 - 2/67 เชื่อว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคของ BJC จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน