ห้องเม่าปีกเหล็ก

เศรษฐกิจไทยโตมาจากไหนไปต่ออย่างไร (1)

โดย dave
เผยแพร่ :
65 views

เศรษฐกิจไทย โตมาจากไหน ไปต่ออย่างไร (1)


ดร.นครินทร์ อมเรศ
ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

เมื่อมองย้อนไปในปี 2561 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยดูสดใสในภาพรวมโดยคาดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 4 เป็นครั้งแรกในรอบหกปีขณะที่การจ้างงานขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับมาอยู่ในกรอบนโยบายการเงินเป็นปีแรกในรอบสี่ปีน่าสังเกตว่าตัวเลขเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวเลขเชิงสัมพัทธ์ กล่าวคือ ดูดีเมื่อเทียบกับช่วงหลายปีก่อน ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญกับสถานการณ์ไม่ปกติหลายประการ ทั้งการค้าโลกตกต่่า ตลาดการเงินโลกผันผวน ตลอดจนการเมืองภายในประเทศมีความไม่แน่นอนเป็นต้น นอกจากนี้นี่เป็นเพียงมุมมองภาพรวมแต่ไม่ได้แสดงรายละเอียดเช่น การเติบโตนี้กระจายตัวทั่วถึงหรือไม่ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจการเงินโลกที่มีความเสี่ยงด้านลบอยู่มากเช่นใน
ปัจจุบัน ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้อาจไม่มีทิศทางที่ชัดเจนและคาดเดาได้ยาก การท าความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจจึงต้องมองลงลึกถึงพัฒนาการเชิงโครงสร้างมากกว่าแค่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตัวเลขระยะสั้น

ในวันนี้จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันทบทวนว่า เศรษฐกิจไทย โตมาจากไหน ไปต่ออย่างไร โดยขอเริ่มต้นด้วยการประเมินปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ คือ ความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มของแรงงานแต่ละคน ดังที่แสดงในรูป ผลิตภาพแรงงานในแต่ละกิจกรรมของภาคอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งครอบคลุมเกือบ 600 กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย (ลูกบอลหนึ่งลูกแทนหนึ่งกิจกรรม) โดยพบว่า แรงงานไทยเกือบ 4 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 10กระจุกตัวอยู่ในเพียง 7 กิจกรรมบริการหลัก เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของช่า ร้านค้าปลีก โรงแรม และร้านท่าผม(กลุ่มลูกบอลสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่) ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจได้เฉลี่ยเพียง 1.7 แสนบาทต่อคนต่อปีน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวมที่ 4.1 แสนบาทต่อคนต่อปี โดยกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มกิจกรรม
อุตสาหกรรมซึ่งมีการใช้แรงงานรวมแล้วไม่มากนัก (กลุ่มลูกบอลสีแดงเข้มขนาดเล็ก)

 

หากคิดในเชิงคณิตศาสตร์ง่าย ๆ แล้ว เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้โดยการยกระดับความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มของแรงงานในสาขาเศรษฐกิจที่มีแรงงานอยู่มาก หรือ เคลื่อนย้ายแรงงานจากสาขาเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มต่ าไปยังกิจกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว เศรษฐกิจไทยเติบโตมาด้วยวิธีการดังกล่าวผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Structural Transformation1โดยมีการเคลื่อนย้ายคนออกจากภาคเกษตรม าสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษก่อน ยกเว้นเพียงแต่ในช่วงวิกฤตการณ์การเงินเอเชียในปี2540 ที่ภาคเกษตรท่าหน้าที่รองรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และในบางช่วงที่นโยบายสนับสนุนด้านเกษตรของภาครัฐมีส่วนท่าให้ผลตอบแทนในภาคเกษตรสูงมากจนดึงดูดแรงงานกลับเข้าสู่ภาคเกษตร อาทินโยบายจ่าน่าข้าว กลไกที่ท าให้กระบวนการดังกล่าวสามารถผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ได้แก

 

(1) ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านปริมาณเห็นได้จากการจ้างงานที่อยู่ในระดับสูง ตลาดแรงงานไทยมีอัตราการว่างงานในระดับต่่ามากมาโดยตลอดในช่วงหลัง และมีการพึ่งพาแรงงานข้ามชาติเป็นจ่านวนมาก รวมทั้งในด้านคุณภาพแรงงานที่ได้รับการยกระดับผ่านการลงทุนใช้เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติของภาคธุรกิจ

 

(2) สนับสนุนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ เอื้อให้แรงงานสามารถเคลื่อนย้ายได้ทั้งภายในและระหว่างกิจกรรมที่มีความเชื่อมโยงและเกื้อหนุนกัน เช่น กิจกรรมผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน หรือกิจกรรมโรงแรมและการค้าท่าให้กิจกรรมเหล่านี้มีปัจจัยการผลิตเพียงพอ ตลอดจนกระตุ้นให้กิจกรรมที่มีผลิตภาพแรงงานสูงสามารถส่งผ่านผลบวกไปยังกิจกรรมที่เกี่ยวข้องจนช่วยยกระดับผลิตภาพในกลุ่ม cluster ด้านอาหาร เคมีภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์2


(3) ส่งเสริมให้ภาคเศรษฐกิจปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานสามารถเคลื่อนย้ายจากธุรกิจที่มีความส่าคัญลดลงไปสู่ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ ภายใต้สถานการณ์ที่รูปแบบการด่าเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องสอดคล้องกับการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนช่องทางการค้าจากหน้าร้านมาเป็นE-commerce เมื่อมีการพัฒนาการให้บริการอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ 3G และ 4G ท่าให้เกิดผลบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ผ่านทั้งการลงทุน การจ้างงานและการยกระดับผลิตภาพแรงงาน3


โดยสรุปแล้ว เศรษฐกิจไทยในอดีตขยายตัวจากกระบวนการพัฒนาโครงสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีการจัดสรรแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพท าให้เกิดความเชื่อมโยงในระดับกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการด าเนินธุรกิจมาโดยตลอด เมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกก่าลังเผชิญความท้าทายหลายประการ เช่น การก้าวเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยที่ประชากรขยายตัวลดลงและมีผู้สูงอายุมากขึ้นจึงอาจขาดความคล่องแคล่วและปรับตัวได้ช้าลง และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรุนแรงที่ท่าให้แรงงานที่ไม่มีทักษะเพียงพอต้องได้รับผลกระทบ จึงขอทิ้งท้ายบทความในวันนี้ไว้ด้วยค่าถามว่า เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปต่อได้อย่างไร และจะขอชวนทุกท่านมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันต่อในโอกาสหน้า

 

 

ที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..www.bot.or.th

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จ่าเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย


dave