หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกสกรีน 14 หุ้นน่าซื้อ เน้นกำไรเติบโต-แลกการ์ด TNN Wealth
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 29 มี.ค. 65โบรกมองหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ต่อเนื่องในกรอบ 1,675-1,685 จุด ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน แนะนำเก็งกำไรเป็นรายวันสำหรับหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ชู 14 หุ้นเด่น เน้นกำไรเติบโต-แลกการ์ด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SET Index วานนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบแต่ถือว่ายังปิดปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มเอเชียเหนือ โดยมีปัจจัยหนุนคือราคาน้ำมัน NYMEX ที่ปรับตัวลดลงราว 7% เป็น 106 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังรัฐบาลจีนประกาศ Lockdown เมือง Shanghai เพื่อคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Eurozone ออกไปทางผสมผสานและตลาดโดยรวมยังผันผวนต่อประเด็นรัสเซีย-ยูเครน
สำหรับ การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ที่ควรจับตามองในระยะสั้นคือแรงขายของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังมีความรุนแรงต่อเนื่องสะท้อนจาก US02YY และ US10YY ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.37% และ 2.44% ส่งผลให้ส่วนต่างลดลงเหลือเพียง 8 bps ใกล้เข้าสู่สภาวะ Inverted Yield Curve หากเกิดขึ้นจริง คาดเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น
ทั้งนี้คาดภาพการเคลื่อนไหวของ SET INDEX จะยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideways ต่อเนื่องในกรอบ 1,675-1,685 จุด เพื่อติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน เชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรเป็นรายวันสำหรับหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน เช่น วัสดุก่อสร้าง โรงกลั่น ยานยนต์ และเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
ส่วนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้าคือ (1) การประชุม กนง. ในวันที่ 30 มี.ค. จับตาการปรับลดประมาณการ GDP และคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (2) การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 31 มี.ค. (3) การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของ EU ตลาดคาด +6.6% YoY ในวันที่ 1 เม.ย.
หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ 4 ตัว นำโดยTTCL เราเริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” เนื่องจากคาดว่าเข้าสู่ Cycle ของกำไรขาขึ้นรอบใหม่ หลังถูกการตั้งสำรองเป็นจำนวนมากกดดันตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าปี 2565 จะเป็นปีสุดท้ายของการตั้งสำรองอีก 276 ลบ. และอาจมีการรายการพิเศษจากคดี Rock Salt มูลฟ้องสูงถึง US$90 ล้านเป็นตัวกลบ เป็นบวกต่อกำไรสุทธิของบริษัท
ขณะที่กำไรปกติปี 2565 เราคาด +43% YoY เป็น 327 ลบ. ราคาปัจจุบัน Norm PER2565 ระดับ 10.2 เท่า, PBV เพียง 1 เท่า และมี Backlog สูงถึง 1.47 หมื่นลบ.จากการลงทุนรอบใหม่ของธุรกิจ Oil & Gas
หุ้นเด่น ถัดมาคือ SCGP ราคาน้ำมันดิบ WTI, BRENT ปรับตัวลง -7% จากความกังวลต่อสถานการณ์ COVID ในจีน, การเจรจาระหว่างยูเครน-รัสเซียในวันนี้ที่ตุรกี และการประชุม OPEC + ในวันพฤหัสนี้ ดังนั้น เราคาดว่าหุ้นกลุ่ม Anti-Commodities ที่ก่อนหน้าถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นมีโอกาสฟื้นตัวValuation น่าสนใจที่ระดับ PER2565 ราว 25 เท่า ต่ำกว่าช่วง 3 เดือนก่อนหน้าที่ราว 30 เท่า ขณะที่ธุรกิจแข็งแกร่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรม Packaging ในภูมิภาค ASESN
หุ้นเด่นอีกตัวคือ RS เราคาดว่าราคาหุ้นมี Downside จำกัด หลังปรับตัวลง -21% YTD เทียบกับหุ้นในกลุ่มสื่อ เช่น BEC +23%, ONEE +11%, WORK +28% แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 คาดดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หลัง 2M65 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรแล้ว และ 1Q65 จะได้แรงหนุนจากธุรกิจ Commerce จากการรับรู้รายได้ขายอาหารสัตว์เลี้ยง “Lifemate” เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก และธุรกิจ Digital TV ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว ดังนั้น เราคาดกำไรปี 2565 เติบโต +455% YoY เป็น 707 ลบ.
หุ้นเด่นสุดท้าย JWD ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 17.20 บาท แนวรับ 16.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 16.00 บาทหุ้นกลุ่ม Logistic ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวน์
บล.เอเซียพลัส มองว่า ความผันผวนของราคาน ้ามันที่พร้อมปรับลดลงแรง เมื่อมีSentiment เชิงลบ เข้ามากดดัน (ล่าสุดกรณีการ Lockdown เมืองเซี่ยงไฮ้) สะท้อนว่าที่ระดับ ปัจจุบันเป็นราคาที่สูงกว่ากลไก Demand- Supply ปกติ อย่างไรก็ตามหาก สถานการณ์ ยูเครน-รัสเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังไม่เห็นจุดจบที่ ชัดเจน ภาพความผันผวนระดับสูงก็ยังจะด้าเนินต่อไป อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันฯ ซึ่งจากต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบันขาย สุทธิออกมากว่า 8 หมื่นล้านบาท กดดันให้SET Index ปรับตัวขึ นได้จ้ากัด อย่างไรก็ตามพบว่า สถานะการคือครองเงินสดของสถาบันฯ อยู่ในเกณฑ์ที่สูง กว่าปกติ อาจเห็นการค่อยๆ ปรับทิศทางเข้าลงทุนมากขึ น แรงขายจากนักลงทุนสถาบันน่าจะเริ่มเบาลง และอาจกลับมาเป็นแรงพยุง ตลาดคาด SET Indexอยู่ในกรอบ 1685-1696 จุด พอร์ตจ้าลองวันนี ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง Top Pick
หุ้นเด่นวันนี้ 3 ตัว นำโดย AOT ([email protected]) Downside จำกัด น่าสะสมรอรับการฟื้นตัวในอนาคตการกลับมาเปิดประเทศ Test&Go ต่อเนื่องนับจาก 1ก.พ. 65 หากการฟื้นตัวเร็วดังเช่นการเปิด Test&Go รอบแรก ที่นักท่องเที่ยว (ไม่รวมจีน) ร.ค. 64 ฟื้นกลับมาได้ถึงราว 16%-17% ของฐานนักท่องเที่ยวรายเดือน (ไม่รวมจีน)
หากเป็นไปในรูปแบบดังกล่าวเชื่อหนุนช่วงที่เหลือดีขึ้น เป็นลำดับ และมีโอกาสที่จะดีขึ้นกว่าสมมติฐานจำนวนผู้ใช้บริการต่างประเทศที่ฝ่ายวิจัยกำหนดฟื้นตัวในปีบัญชี2565 ราว 20% ของช่วงก่อน COVID ซึ่งจะหนุนขาดทุนปีบัญชี 2565 ดีกว่าคาดว่าจะ ลดลง 63% และฟื้นมีกำไร1.31 หมื่นล้านบาทในปีบัญชี 2566ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard SET Index อยู่มาก คงคำแนะนำ ซื้อ ถือเป็นโอกาสสะสม
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ KCE (FV@90)
หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ GPSC ([email protected])
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,670 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด
เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรขยายตัวดี
โดย หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ AOT รับอานิสงส์ การเปิดประเทศคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวจาก 4 แสนคนปีที่แล้วเป็น 9ล้านคนในปีนี้ จะส่งผลให้ปีนี้AOT คาดขาดทุนเพียง 3,582ล้านบาท น้อยลงจากขาดทุน15,319 ล้านบาทในปีที่แล้ว และแนวโน้มกำไรจะกลับไปฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2567 ที่ระดับ 2.75หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงปี 2562เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 73 บาท
หุ้นเด่นอีกตัวคือ JMART คาดกำไร1 65 ยืนสูง Q๐Q+25-30%YoY แรงหนุนหลักจาก JMT & SINGER ส่วน KBJ-Mobile จะกลับเข้าสู่ Growthphase หลังจากปรับโครงสร้าง
พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและอัตราทำกำไร และมีโอกาสถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบกลางปี หนุนราคาหุ้นระยะสั้น ราคาเป้าหมาย 75 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า แม้ SET ยังไม่อ่อนตัว แต่ภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง ทำให้ต้องมีการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และติดตามส่วนต่าง bond yield สหรัฐ ระยะยาว และสั้น ที่แคบขึ้น มองยังทำให้ Upside จำกัด ที่แนวต้าน 1,688 และ 1,695 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบล่างที่ยังรองรับได้อยู่ที่ 1,670-1,675 จุด แต่ให้ระวังแรงขายให้หลุดต่ำกว่า หลังหมดช่วง Window dressing
หุ้นเด่นวันนี้ BJC (ราคาเป้าหมาย 41.00 บ.) ปี 65 คาดกำไรเติบโต 28%YoY จากการฟื้นตัวของยอดขายและรายได้ค่าเช่าหลังภาครัฐมีแผนเดินหน้าเปิดประเทศชัดเจนขึ้น และ (ราคาเป้าหมาย 95.00 บ.) มองราคาหุ้นปรับลง 21%YTD สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นใน 1H65 แล้ว ขณะที่ค่า Ft กำลังจะทยอยปรับขึ้นเพื่อให้ทันต้นทุนที่สูงขึ้น โดยปี 65 ยังคาดกำไรฟื้นตัว 9%YoY จากรับรู้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,670-1,700 จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ TOP ราคาปัจจุบันที่ 54.50 บาท ราคาเป้าหมายที่ 59.50 บาท ตัวต่อมาคือ TU ราคาปัจจุบัน 19.30 บาท ราคาเป้าหมาย 21.20 บาท และ SHR ราคาปัจจุบันที่ 3.52 บาท ราคาเป้าหมาย 3.68 บาท
ที่มา : บล.หยวนต้า, บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์ ,บล.กสิกรไทย
ภาพประกอบข่าว : AFP, TNN Online,พิกซาเบย์