ห้องเม่าปีกเหล็ก

6 หุ้นได้ประโยชน์ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

โดย โจ๊กเกอร์
เผยแพร่ :
174 views

เคาะแล้ว! …รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

เจาะพื้นฐาน 6 หุ้นได้ประโยชน์

.

หลังจากที่รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆเพื่อช่วยประชาชน รอบนี้ก็ถึงคราวอีกหนึ่งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่ อย่างการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ได้เสนอต่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันจันทร์ที่ 16 ต.ค. 66 และได้รับการอนุมัติให้มีผลทันทีวันนี้

.

โดยกระทรวงคมนาคมเสนอขออนุมัติปรับลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามนโยบายพรรคเพื่อไทย ผลักดันราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ซึ่งแน่นอนว่านโยบายข้างต้นก็ย่อมมีผลบวกและผลลบต่อผู้ประกอบการ แต่ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จะไปหุ้นที่ได้รับประโยชน์ผ่านมุมมองของนักวิเคราะห์กัน

.

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่า ในวันที่ 16 ต.ค 66 กระทรวงคมนาคมขออนุมัติปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งครม. อนุมัติ 2 สายแรก ได้แก่ สายสีม่วงช่วงบางซื่อ-คลองบางไผ่ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เส้นทางจากบางซื่อ-รังสิต และจากบางซื่อ-ตลิ่งชัน หากเห็นชอบอาจประกาศใช้ทันทีบ่ายวันเดียวกัน

.

สำหรับประเด็นดังกล่าวน่าจะดีต่อหุ้น BEM และ BTS ในระยะสั้น หนุนให้ปริมาณคนใช้รถไฟฟ้าในตัวเมืองมีโอกาสคับคั่งขึ้น ขณะเดียวกันเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย หรือเพิ่มกำลังซื้อให้ประชากรมากขึ้น ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นอุปโภคบริโภค อย่าง CPALL, CPAXT,CRC, BJC

.

ด้านมุมมองหุ้นรายตัวเริ่มกันที่ BEM บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 10.60 บาท เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย 20 บาทตลอดสาย ซึ่งรัฐจะต้องชดเชยให้กับเอกชนสำหรับผลประโยชน์ที่เสียไป และโครงการสายสีส้มที่รอการตัดสินคดีสุดท้ายสำหรับการปรับเปลี่ยน TOR สำหรับการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งศาลปกครองการพิจารณายกฟ้องและอยู่ระหว่างการรอศาลปกครองสูงสุดพิจารณา

.

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 917 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียว 6.3% และเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้า 1.8% จากการเติบโตของรายได้ในทุกธุรกิจ โดยกำไรสุทธิทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ 3.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 48.8%

.

ขณะที่ BTS บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 8.90 บาท แม้ไตรมาส 1/67 (เม.ย.66 ถึง มิ.ย.66) จะขาดทุนสูง แต่ช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวดีขึ้น จากอัตราการขายสื่อโฆษณาที่ดีขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร ขณะที่ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมจะลดลงตามรายการพิเศษและการตั้งสำรอง

.

สำหรับพื้นฐานของธุรกิจแนวโน้มไตรมาส 2/67 (ก.ค.66 ถึง ก.ย. 66) จะฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังลดลงจากช่วงเดียวกัน เนื่องจากรายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้า แต่คาดอัตราการขายสื่อโฆษณาจะสูงขึ้นและส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ดีขึ้น จึงได้คาดการณ์กำไรปี 2567 (สิ้น 31 มี.ค.67) ที่ 901 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 50.9%

.

ด้าน CPALL บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 73 บาท ด้วยแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีและปี 2567 ที่จะดีต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อและ CPAXT พร้อมกันนี้ยังเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

.

ทั้งนี้ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 ที่ 4.06 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 10.2% แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 5.8% ได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายของ CPAXT ที่ลดลง ส่วนไตรมาส 4/66 คาดผลประกอบการยังคงโตจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิทั้งปี 2566 ยังคงคาดการณ์ที่ 1.66 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 25.1%

.

ขณะที่ CPAXT บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท ด้วยแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีไปจนถึงปี 2567 ที่ดีต่อเนื่องไปยังปี 2567 และยังเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น Digital Wallet 10,000 บาท

.

สำหรับคาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 จะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 10.6% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 17.4% โดยได้แรงหนุนจาก SSSG ของทั้งธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่ขยายตัว และ SG&A/Sales ที่ลดลงรวมถึงต้นทุนทางการเงินลดลง ขณะที่กำไรไตรมาส 4/66 คาดจะโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปี โดยจะทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และคาดกำไรทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ 8.82 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.7%

.

ฟาก CRC บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด แนะนำ “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมายที่ 48 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงได้สะท้อนความกังวลร้านค้ารูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ “GoWholesale” ไปมากแล้ว โดยมองว่าผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ส่วนผลกระทบต่อกำไรในปี 2566 มีจํากัดและในปี 2567 คิดเป็นตัวเลขหลักเดียว

.

โดยคาดกําไรปกติไตรมาส 3/66 จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกัน ด้วยปัจจัยฤดูกาลและการเติบโตของยอดขายที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดีกำไรไตรมาส 4/66 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี ตามปัจจัยฤดูกาลที่ยอดขายธุรกิจค้าปลีกปรับตัวดีขึ้นและค่าไฟฟ้าที่ลดลง ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 7.83 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 9.1%

.

สุดท้าย BJC บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 44 บาท เนื่องจากแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 66 จะเห็นการเติบโตกำไรที่เด่นขึ้น นอกจากนี้จะได้รับประโยชน์จากกำลังซื้อที่จะดีขึ้น หากรัฐบาลมีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

.

สำหรับ คาดการณ์กำไรครึ่งปีหลังปี 66 จะโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์กลับมาโตหลังเริ่มใช้วัตถุดิบชุดใหม่, BigC ได้ผลบวกจากการปรับสาขารับนักท่องเที่ยวโดยทิศทาง SSSG ก.ค.-ส.ค. บวกเล็กน้อย และรับรู้ค่าไฟลงเต็มไตรมาสและรายได้พื้นที่เช่าที่จะเร่งขึ้นหลังการปรับปรุงพื้นที่สาขาจะทยอยเสร็จมากขึ้น ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14%

 

 


โจ๊กเกอร์