
ขายกันตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดเช้าวันแรกหลัง long weekend (จันทร์ 31 ก.ค.) ก่อนมาภาคบ่ายเริ่มเห็นแรงซื้อกลับ ด้วยวอลุ่มตลาดทั้งวันขึ้นไปแตะ 5.7 หมื่นล้าน สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค. SET index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,569-1,582 จุด ขณะหุ้นบลูชิพหลายตัวยังพบแรงขายและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เป็นแรงกดดัน SET นำโดย ADVANC, SCB, KBANK, AOT, และ BBL เป็นต้น
ค่าเงินบาทช่วงปิดตลาดเทรดอยู่แถว 33.25-33.30 บาท/ดอลลาร์ กับเทรนด์ที่ยังแข็งค่า ตามทิศทางแรงขายดอลลาร์และเงินไหลเข้าพันธบัตรรัฐบาลไทยสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 เดือน
เงินบาทแข็งค่าจึงยังเป็นเซ็นติเมนต์ที่ไม่ดีต่อการทำกำไรของหุ้นกลุ่มส่งออก ที่หลายคนกำลังเล็งหุ้น บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) สะท้อนผ่านวอลุ่มทั้งวันในหลัก 700 ล้าน ขณะราคาปิดยังสูงกว่านิวโลว์เล็กน้อย
KCE เป็นหนึ่งในหุ้นบลูชิพที่ราคาปรับตัวลงมาแรง โดยในเดือน ก.ค.นี้พบว่าราคาหุ้นร่วงมาแล้วเกือบ 20% พร้อมกับแรงขายหนาแน่นเกือบทุกสัปดาห์ ความกังวลอยู่ที่ต้นทุนราคาทองแดงที่ทรงตัวสูง เพิ่มเติมจากเรื่องเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง และกดดันกำไรในช่วงสั้น
แล้วการปรับฐานหนักของ KCE ในรอบนี้ จะเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าเก็บของถูกหรือไม่?
MoneyChannel ต่อสายถึงนักวิเคราะห์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ บล.บัวหลวง ซึ่งบอกแม้ว่าภาพรวมของธุรกิจภายในของ KCE ยังมีความแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกทั้งเรื่องราคาทองแดงเพิ่มขึ้นและเงินบาทแข็งค่า ส่งผลกระทบกำไรในงวดไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/60 ต่ำกว่าประมาณการเดิม โดยล่าสุดได้ปรับลดกำไรไตรมาส 2/60 มาอยู่ที่ 684 ล้านบาท หดตัว 11% Y/Y แต่สูงขึ้น 10% Q/Q เหตุราคาทองแดงได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 30% ขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน
จากคาดการณ์ว่ายังมีความต้องการสูงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ไล่มาตั้งแต่นโยบายผู้นำสหรัฐฯ ภาวะซัพพลายที่หดไปจากตลาดเหตุผลกระทบการปิดเหมืองในชิลี และแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ IMF ฉายภาพด้านบวกเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว สถานการณ์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับการเก็งดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของแบตเตอร์รี่ลิเธียมที่ใช้ผลิตยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์
สำหรับเงินบาทที่ส่งสัญญาณแข็งค่าต่อ จากคาดการณ์เฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง แต่ปัจจุบันก็ยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าว นักวิเคราะห์เชื่อว่าเงินบาทน่าจะเเข็งต่อไปอีกสักระยะ ก่อนจะอ่อนค่าลงในปลายปี ตามทิศทางของเฟดที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้น
ค่ายบัวหลวงปรับลดประมาณการกำไร KCE ปี 2560-61 ลง 18% และ 17% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนเงินบาทที่แข็งค่าและราคาทองแดงที่สูงขึ้น พร้อมกับปรับลดราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 90 บาท จากเดิม 120.50 บาท จากสมมติฐานราคาทองแดงที่ 5.7-6.0 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน พร้อมมองความเสี่ยงต่อผลประกอบการหากผันผวนต่ำกว่ากรอบล่าง
ในจังหวะที่ราคาหุ้น KCE ปรับฐานช่วงนี้ นักวิเคราะห์มองว่าระยะสั้นควรหลีกเลี่ยงไปก่อน เพราะยังมีความเสี่ยงด้านขาลง แต่ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาวแนะเป็น "ถือ" เพราะเชื่อว่าผลประกอบการปี 61 จะฟื้นตัว เพราะแม้เงินบาทจะแข็งค่าและราคาทองแดงจะทรงตัวสูงเช่นเดิม แต่จะเห็นการปรับตัวรองรับต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง
ส่วนอีกสองโบรกเกอร์ ทั้งค่ายดีบีเอส วิคเคอร์ส และเคจีไอ นักวิเคราะห์ระบุว่ากำลังเตรียมทบทวนปรับลดประมาณการ ภายหลังจากได้รับข้อมูลการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 9 ส.ค.นี้
โดยดีบีเอสฯ ปัจจุบันให้ราคาพื้นฐาน 123 บาท แต่เห็นว่าอาจต้องปรับประมาณการลง เพราะคาดการณ์กำไรในรอบครึ่งปีแรกยังต่ำอยู่ที่ราว 38% ของประมาณการ จึงส่งผลให้มีโอกาสลดประมาณการปีนี้ลง 10%-15% นักวิเคราะห์ระบุจับตาแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะสดใสมากขึ้น เพราะไตรมาส 3 จะเข้าสู่ฤดูกาลที่ดีที่สุดในรอบปี และได้ประโยชน์จากการใช้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรจะยังได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าและการปรับเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบทองแดง
ส่วนค่ายเอเซียพลัส คาดว่า KCE จะมีผลการดำเนินงานปี60 อ่อนตัวลง 7% YoY จากต้นทุนวัตถุดิบราคาทองแดงสูงขึ้น กดดันประสิทธิภาพทำกำไรโดยรวมอ่อนตัวลงจากปี 2559 นักวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงเงินบาทแข็งค่าทุกๆ 1 บาท อิงสมมติฐานค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จะกระทบกับกำไรสุทธิของ KCE ให้ลดลง 7.3% ผลกระทบต่อกำไรจากการดำเนินธุรกิจหลักลดลง 7.3% และกระทบราคาพื้นฐานลดลง 6.9% โดยปัจจุบันให้ราคาพื้นฐาน 90 บาท
MoneyChannel ยังได้สอบถามไปยังคุณศศิมา หัตถกิจนิกร นักวิเคราะห์ด้านเทคนิค บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คุณศศิมาบอกว่า กราฟทางเทคนิคของหุ้น KCE ในระยะสั้น มีโอกาสรีบาวด์หาแนวต้าน 94 บาท หลังเริ่มมีแรงซื้อคืน โดยเครื่องมือเทคนิคบ่งชี้ว่าเข้าสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold) อย่างไรก็ตาม ให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังเพราะยังเห็นแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ ดังนั้นถ้าหากหลุดแนวรับ 86 บาท จะถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี จึงกำหนดจุด Stop Loss ไว้ที่ 85 บาท
********************************
ที่มา : Business&Finance, Money Channel