ห้องเม่าปีกเหล็ก

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ปรับครั้งใหญ่รอบ 20 ปี ส่งสัญญาณขึ้นอีกในการประชุมครั้งหน้า

โดย DAVINCI
เผยแพร่ :
61 views

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ปรับครั้งใหญ่รอบ 20 ปี ส่งสัญญาณขึ้นอีกในการประชุมครั้งหน้า

สำนักข่าว CNBC รายงานเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 0.50% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (4 พ.ค.) ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับที่สูงเกินไป เฟดเข้าใจถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้น โดยเฟดจะเร่งดำเนินการเพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พฤษภาคม 2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี 

"คณะกรรมการเฟดมีความเห็นว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า อย่างไรก็ดี ขณะนี้คณะกรรมการเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%" นายพาวเวลกล่าว

นอกจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐระบุว่าจะปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) มูลค่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ซึ่งเฟดเคยซื้อเพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำและเงินไหลผ่านเศรษฐกิจในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 แต่เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้บังคับให้ต้องทบทวนใหม่อย่างมากในนโยบายการเงิน

ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 เฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม

ทั้งนี้ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทั้งสอง แต่ยังคงมีความผันผวนตลอดทั้งปี นักลงทุนพึ่งพาเฟดในฐานะหุ้นส่วนที่แข็งขันในการทำให้แน่ใจว่าตลาดทำงานได้ดี แต่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องรัดกุม

อย่างไรก็ตามแถลงการณ์เมื่อวันพุธระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงในไตรมาสแรก แต่การใช้จ่ายในครัวเรือนและการลงทุนคงที่ของธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้น สุดท้าย ถ้อยแถลงกล่าวถึงการระบาดของโควิดในจีน และความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์ นอกจากนี้การปิดเมืองที่เกี่ยวข้องกับโควิดในจีน มีแนวโน้มที่จะทำให้ซัพพลายเชนหยุดชะงักลง คณะกรรมการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้หลังจากการแถลงผลการประชุมเฟด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 932.27 จุด หรือ 2.81% ปิดที่ 34,061.06 จุด S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.99% เป็น 4,300.17 จุด Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 3.19% เป็น 12,964.86 จุด มันเป็นกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 สำหรับทั้ง S&P 500 และ Dow

ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ประโยคทอง ที่ตลาดโดนใจ เมื่อคืนนี้หลายคนคงไม่ยอมนอน รอลุ้นว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไร และคงสงสัยว่าทำไม Dow ถึงสุดท้ายแล้วขึ้นถึง 932 จุด 

เพราะตั้งแต่เช้าแล้ว ตลาดแกว่งไปมาเล็กน้อย Dow บวกลบไม่ถึง 100 จุด แต่สุดท้ายทำไมถึงเปลี่ยน และจบออกมาได้คึกคักเช่นนี้?

เมื่อคืนนี้ก็ได้ติดตาม "ลุ้น" ไปพร้อมกับทุกคน สำหรับผลการประชุมออกมาตอนช่วงตี 1 บ้านเรา โดยรวมต้องบอกว่า “ตามคาด" เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% และจะถอนสภาพคล่องกลับในอัตราเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่อาจดีกว่าคาดเล็กน้อย ก็คือ "ไม่เริ่มเลย" แต่จะรอไปเริ่ม 1 มิถุนายน และช่วง 3 เดือนแรก เฟดจะลองดูดสภาพคล่องกลับประมาณ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือครึ่งหนึ่ง) ของระดับที่ตั้งใจไว้ก่อน

จากที่ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย ตลาดจึงปรับตัวเล็กน้อยเช่นกัน แกว่งตัวบวกขึ้นไปอีกนิด แต่เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย และเป็นหมัดเด็ด เป็น Highlight ของเมื่อคืนนี้ ตอนตี 1 ครึ่ง คือการแถลงข่าวของท่านประธานเฟด ตลาดก็กลับมาที่เดิม คือ บวกประมาณ 90 จุด

จากนั้นก็ถึงช่วงสำคัญ และถึง "จุดเปลี่ยน" ที่ทำให้ตลาดกลับมาคึกคัก ช่วง 7 นาทีแรกของการแถลงข่าว ที่เป็นกระดาษ 4 หน้า เป็นช่วงที่ตลาดฟังแล้วก็กังวลเพิ่มขึ้น เพราะท่านประธานเฟดเริ่มโดยการพูดว่า Inflation is much too high และพูดย้ำประโยคนี้ระหว่างอ่านคำแถลงอีกครั้ง พร้อมด้วยบอกว่า "There is a broad sense on the Committee that additional 50 basis point increases should be on the table at the next couple meetings.”

ซึ่งหมายความว่า กรรมการเฟดยังคิดจะขึ้น 0.5% อีก 2-3 ครั้งในช่วงการประชุมข้างหน้า ไม่ใช่ขึ้นแค่ครั้งนี้และครั้งหน้า ตามที่ทุกคนคาดการณ์กัน

ไม่น่าแปลกใจ ด้วยคำพูดที่แรงและแนวการขึ้นดอกเบี้ยที่น่าจะมากกว่าตลาดคาดไว้เล็กน้อยเช่นกัน ในช่วงการอ่านแถลงการณ์ ตลาดก็ค่อยๆ ตก จากที่บวก 90 จุด ก็กลายมาเป็นลบเล็กน้อย

สิ่งที่น่าติดตามที่สุดระหว่างการแถลงข่าวเมื่อคืน อยู่ที่ช่วงถามตอบ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่เฟดเชิญนักข่าวมาที่อาคาร และได้ซักถามกันต่อหน้าเป็นเวลาเกือบ 40 นาที

"ประโยคทอง" ที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนจากที่เคยซึมๆ กลายเป็นกระทิงเปลี่ยว ทำให้เหวี่ยงขึ้นมาประมาณ 1,000 จุด เป็นผลจากคำถามที่ 2 ที่นักข่าวจาก CNBC คุณ Steve Liesman ในนาทีที่ 5 ของการถามตอบ

คุณ Steve ถามถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่า "มีโอกาสไหมที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75%” ท่านประธานเฟดตอบทันทีว่า "75 basis points increase is not something that the Committee is actively considering”

พูดง่าย 0.75% ที่ตลาดหรือนักวิเคราะห์พูดกันนั้น เป็นสิ่งที่ตลาดหรือนักวิเคราะห์พูดกันไปเอง เป็นเสือที่เขียนขึ้นมากันเอง แม้จะมีกรรมการ 1 ท่านที่มักชอบออกมาพูดกับสื่อว่า อยากให้ขึ้น 0.75% แต่สุดท้ายกรรมการท่านนั้นก็ Vote 0.5% กับคนอื่นๆ

คณะกรรมการเฟด "โดยรวม" ไม่ได้พิจารณาทางเลือกนี้ ท่านประธานเฟดบอกต่อว่า ขนาดยาที่กรรมการจะใช้ คือ 0.5% ในครั้งนี้ และหากเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด กรรมการเห็นตรงกันว่าจะพิจารณาขึ้น 0.5% ในการประชุม 2-3 ครั้งข้างหน้าต่อไป โดยจะสื่อสารกับตลาดก่อนว่า คณะกรรมการคิดอะไรเป็นระยะ นอกจากนี้บอกว่า เฟดเริ่มเห็นว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) น่าเริ่มถึงจุดสูงสุดแล้ว

เมื่อตลาดได้ยินชัดๆ เช่นนี้ กระทิงก็กลับคืนมา การเหวี่ยง 1,000 จุดก็เกิดขึ้น ที่เหลือก็เป็นการถามตอบทั่วๆ ไป จะมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ

- เฟดคิดว่าดอกเบี้ยที่เป็นเกียร์ว่าง (Neutral rate) อยู่ที่ประมาณ 2-3%

- เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็ว (Expeditiously) เพื่อให้กลับไปที่ Neutral rate

- หลังจากนั้น เฟดพร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยไปสูงกว่าอัตราดังกล่าว เพื่อชะลอเศรษฐกิจ เมื่อเห็นว่าเหมาะสม

- ในส่วนเศรษฐกิจสหรัฐ เฟดยังเห็นว่าเศรษฐกิจไปได้ดี ไม่มี Recession 

ปีนี้เศรษฐกิจจะมี "Solid growth" แม้ว่าจะชะลอจากปีก่อนหน้า โดยขยายตัวสูงกว่า 2% ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมให้ตลาดสบายใจและปรับตัวตามที่เห็น จึงต้องสรุปว่า ทั้งหมดมาจาก “ประโยคทอง" ของท่านประธานเฟด คนเดียว

 

อ้างอิง :

https://www.cnbc.com/2022/05/04/fed-raises-rates-by-half-a-percentage-point-the-biggest-hike-in-two-decades-to-fight-inflation.html 

https://web.facebook.com/1044766528/posts/10223553694124184/?d=n&_rdc=1&_rdr 

https://www.cnbc.com/2022/05/03/stock-market-futures-open-to-close-news.html

 


DAVINCI