ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดหุ้นดาวโจนส์์และตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวแล้ว

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
77 views

วัฎจักรตลาดหุ้นดาวโจนส์เป็นดังนี้คือ :

1) Downjones = 18,589 จุด ( วันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี และ จุดเริ่มต้นของสภาวะตลาดกระทิง )

2) Downjones = 26,617 จุด  ( วันที่ 26 มกราคม ปี พ.ศ 2561)   +43.19%

3) Downjones = 23,380 จุด ( วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 )  -12.16% ปรับฐานครั้งใหญ่เนื่องจากตลาดวิตกว่า FOMC จะปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate เร็วกว่าที่เคยคาดไว้ และ จากการเข้าดํารงตําแหน่งใหม่ของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561

4) Downjones = 25,294 จุด ( วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 ) +8.19%

วัฎจักรตลาดหุ้นไทยเป็นดังนี้คือ :

1) Set Index = 1,561 จุด ( วันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะตลาดกระทิง )

2) Set Index = 1,848 จุด ( วันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ 2561 )    +18.39%

3) Set Index = 1,758 จุด ( วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 )    -4.87% ปรับฐานครั้งใหญ่ตามตลาดหุ้น Downjones

4) Set Index = 1,805 จุด ( วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 ) + 2.67%

สรุป : ตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัว จากการปรับฐานครั้งใหญ่แล้ว 

คาดการณ์ : 1) ผู้โพสต์คาดว่าตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในสภาวะกระทิงต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ Fed Fund Rate ยังคงเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ จนกระทั่ง Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% ประมาณปลายปี พ.ศ 2563 สภาวะตลาดกระทิงของทั้งตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นไทย จึงจะสิ้นสุดลง  ซึ่ง Downjones มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 50,000 จุด ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทําสติถิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,000 จุด ในช่วงเวลานั้น

                 2) ผู้โพสต์ขอคาดการณ์ต่อไปว่า เมื่อ Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปยืนที่จุดสูงสุดในขาขึ้นรอบใหญ่รอบนี้ที่ 4.00-4.25% ในปี พ.ศ 2564 ฟองสบู่โลกก็จะแตกเนื่องจากปัญหาหนี้สินจํานวนมหาศาลของโลก ที่จะทนต่อแรงกดดันของสภาวะดอกเบี้ยที่สูงไม่ได้ และ จะมีผลทําให้ Downjones ปรับตัวลงจาก 50,000 จุด มาเหลือ 20,000 จุด หรือ ลดลง -60%ในขณะเดียวกันกับตลาดหุ้นไทยก็จะปรับตัวจาก 5,000 จุด มาเหลือ 1,500 จุด หรือ ลดลง -70% เรียกว่า " สูงสุดคืนสู่สามัญ " ซึ่งเป็นสัจจธรรมของตลาดหุ้น และ จะคงอยู่กับตลาดหุ้นตลอดไป

                   3) ทั้งนี้ การคาดการณ์ข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่รับประกันความถูกต้อง 


ศักดิ์