ห้องเม่าปีกเหล็ก

ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น !!!!

โดย Story
เผยแพร่ :
241 views

ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น !!!!

 

ยุคที่เราต้องระวังเรื่องการใช้จ่าย กำลังเริ่มแล้ว

เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กำลังทำให้ “ยุคดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน” จบลง

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการสู้สงครามกับเงินเฟ้อของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก

ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายแต่ละประเทศ ต้องปรับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

โดยในเวลาไม่ถึงปี

สหรัฐ ขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้ง รวม +3.0%

สหภาพยุโรป ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม +1.25%

อังกฤษ ขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้ง รวม +2.15%

ออสเตรเลีย 5 ครั้ง รวม +2.25%

ฟิลิปปินส์ 5 ครั้ง รวม +2.25%

มาเลเซีย 3 ครั้ง รวม +0.75%

อินโดนีเซีย 2 ครั้ง รวม +0.75%

ไทย 2 ครั้ง รวม +0.5%

เมื่อธนาคารกลางขยับ ดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรต่างๆ ก็จะขยับตามเป็นขบวนแรก

ทั้งดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล และดอกเบี้ยหุ้นกู้ของเอกชน

บางครั้ง ขึ้นก่อนธนาคารกลางปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป

ส่วนดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ก็เช่นกัน ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตามสัญญาณจากธนาคารกลาง เป็นขบวนถัดมา

ในสหรัฐ JPMorgan Chase Bank แบงค์ที่ใหญ่ที่สุด ได้ปรับ Prime Lending Rate ขึ้น 5 ครั้ง

จาก 3.25% เป็น 6.25% ขึ้นมา +3.0% ตามจังหวะที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อย่างสอดประสาน

แบงค์อื่นๆ เช่น Bank of America หรือ Well Fargo Bank ก็ปรับขึ้น 5 ครั้ง ในจังหวะและอัตราเดียวกัน

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ปกติแล้วธนาคารพาณิชย์จะคอยดูสัญญาณจากธนาคารกลางว่า

ต้องการให้ดอกเบี้ยในประเทศปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหน

และจะดำเนินการตามที่ธนาคารกลางส่งทิศทางมา

ทั้งนี้ เนื่องจากแบงค์พาณิชย์แต่ละแบงค์ เป็นแค่ส่วนเดียวของเศรษฐกิจ

คงยากที่จะฝืนทิศทางของธนาคารกลางได้

เพราะสัญญาณและนโยบายจากธนาคารกลาง

จะกระทบไปทุกส่วนของตลาดการเงิน

โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรที่จะเป็นตลาดแรกที่ปรับทันที

ส่วนธนาคารพาณิชย์ อาจจะใช้เวลา อาจจะรอได้บ้าง ในช่วงสั้นๆ

แต่เมื่อธนาคารกลางปรับดอกเบี้ยไปต่อเนื่องในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ดอกเบี้ยในระบบ เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้น

ธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องปรับตาม ในท้ายที่สุดเช่นกัน

ซึ่งการปรับดอกเบี้ยตามดังกล่าว จะช่วยให้นโยบายของธนาคารกลาง

สามารถส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ ในทิศทางที่ธนาคารกลางต้องการ

สำหรับประเทศไทย

หลังแบงค์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมา 2 ครั้ง +0.5% และคงปรับขึ้นไปต่ออีกระยะ

การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์กำลังเริ่มขึ้นเช่นกัน

ส่งผลต่อดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในประเภทต่างๆ

ซึ่งจะช่วยในกระบวนการดูแลเงินเฟ้อของแบงค์ชาติ

ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น จะจูงใจให้คนลงทุน และกู้ยืมน้อยลง

ดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น จะจูงใจให้คนฝากเงิน ใช้จ่ายน้อยลงเช่นกัน

ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมใช้จ่ายลดลง ลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ

โดยกระบวนการนี้ จะเริ่มชะลอและหยุดลง

ก็ต่อเมื่อแบงค์ชาติซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางดอกเบี้ย จบรอบของการขึ้นดอกเบี้ย

หมายความว่า “ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น” ในไทย

ยังจะเดินหน้าไปอีกระยะ

ส่งผลกระทบต่อดอกเบี้ยเงินกู้แบบต่างๆ ให้เพิ่มขึ้น

สินเชื่อบ้านแบบคงที่ 2-3 ปี ดอกต่ำๆ ก็แทบหาไม่ได้ในขณะนี้ ต่างจากช่วงก่อนหน้า

ซึ่งเราทุกคนคงต้องระวังเรื่องการสร้างหนี้ ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น นี้

ยิ่งเศรษฐกิจโลกกำลังอ่อนลง

บริษัทต่างๆ คงต้องคิดเรื่อง สภาพคล่อง ดูแลกระแสเงินสด ฐานะการเงินให้ดี

อะไรไม่จำเป็นก็คงต้องผลักออกไปก่อน

เพื่อให้เราสามารถผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าไปได้

ส่วนผู้ฝากเงิน ที่ต้องรับกับดอกเบี้ยเงินฝากต่ำๆ มานาน

ต่อไปก็จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ลองดู เนื่องจากแบงค์ชาติไทยคงปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ

และปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป

จากเงินเฟ้อพื้นฐานของเรายังไม่สูงมากนัก

จากเศรษฐกิจเราที่ฟื้นตัวช้ากว่าเขา

และจากครัวเรือนส่วนหนึ่งเปราะบาง มีหนี้มาก

ทั้งนี้ การที่แบงค์ชาติไทยจะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ

ขึ้นไปที่ 1.25%-2.0% แล้วดูสถานการณ์โลกว่าเป็นอย่างไร

กระทบกับไทยมากน้อยแค่ไหน

เรื่องนี้จะทำให้ดอกเบี้ยประเภทต่างๆ ในไทย

ปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เช่นกัน

ซึ่งช่วงนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยไปไม่มาก น่าจะดีกว่า ครับ

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..FB.ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล


Story