ตั้งเพดานแบงก์รัฐปล่อยกู้รายใหญ่ ธปท.ชงคลังเคาะ 23 เกณฑ์คุม SFIs เล็งใช้ไตรมาส 3
updated: 06 ก.ย. 2559 เวลา 21:20:00 น.
ธปท.รอขุนคลังเคาะ 23 เกณฑ์ 6 กลุ่มเรื่อง กำกับ SFIs คาดบังคับใช้ได้ภายใน Q3 นี้ แจงตีกรอบอัตราส่วนเงินให้กู้ยืมสำหรับลูกหนี้รายใหญ่แต่ละราย SFIs ต่างกันตามพันธกิจ
นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ร่างหลักเกณฑ์ในการกำกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่ ธปท.ได้เสนอไปยังกระทรวงการคลังเพื่อรับฟังความเห็นและปรับแก้ทั้ง 23 ฉบับจาก 24 ฉบับนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่รอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก็จะแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะสามารถผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ได้ภายในสิ้นไตรมาส 3/2559 นี้ เพราะกระบวนการร่างเกณฑ์ที่ผ่านมา ธปท.และกระทรวงการคลังมีการหารือร่วมกันและปรับแก้มาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ร่างหลักเกณฑ์ทั้ง 23 ฉบับ สามารถแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1) เกณฑ์ด้านธรรมาภิบาล ที่กำหนดเรื่องอำนาจหน้าที่ คุณสมบัติกรรมการ และโครงสร้างกรรมการ มีประกาศทั้งหมด 4 ฉบับ โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ จะมีการบังคับใช้ที่แตกต่างไป คือ กำหนดให้คณะกรรมการอย่างน้อย 2 คนต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนาอิสลาม และกรณีที่มีการประกอบธุรกิจทางการเงินตามหลักชารีอะห์จะต้องจัดให้มีที่ปรึกษาด้านชารีอะห์ด้วย
2)หลักเกณฑ์เงินกองทุนมีประกาศ5 ฉบับ ประกอบไปด้วยหลักเกณฑ์การคำนวณสินทรัพย์เสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านตลาด ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ 3) หลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง มี 3 ฉบับ 4) กระบวนการด้านสินเชื่อ 6 ฉบับ 5) เกณฑ์การกำกับดูแลลูกหนี้รายใหญ่ 1 ฉบับ และ 6) เกณฑ์ด้านบัญชีและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ขณะที่เกณฑ์การนำส่งเงินเข้ากองทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือกองทุนSFIsนั้น ธปท.กำหนดให้ SFIs คิดเงินนำส่งเข้ากองทุนจากเงินเหลือหลังหักคืนให้กระทรวงการคลัง ตามเกณฑ์บาเซิล 2 มากำกับการดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำ ในอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ 8.5% เพื่อให้ครอบคลุมความเสี่ยงด้านเครดิต ตลาด ปฏิบัติการ อย่างครบถ้วนมากขึ้น ซึ่ง SFIs สามารถตีราคา อาคารสถานที่ และตราสารประเภทต่าง ๆ มาเข้ากองทุนนี้ได้
ส่วนเกณฑ์เรื่องสภาพคล่องให้ SFIs ใช้หลักเกณฑ์ที่ว่าสภาพคล่องต้องไม่ต่ำกว่า 6% ของฐานเงินฝาก ซึ่งจะใช้บังคับกับ SFIs 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เท่านั้น ส่วนบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) และบรรษัทประกันสินเชื่อเพื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้รับการยกเว้นด้านเกณฑ์กระบวนการด้านสินเชื่อ ประกอบด้วย มาตรฐานเกณฑ์การปล่อยกู้ มาตรฐานเงินกันสำรอง การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การประเมินราคาหลักประกัน และเกณฑ์กำกับดูแลลูกหนี้รายใหญ่ หรือ (Single Lending Limit) ซึ่งหลักเกณฑ์เหล่านี้ค่อนข้างคล้ายหลักเกณฑ์ที่ใช้กำกับธนาคารพาณิชย์ แต่มี บสย.และ บตท. จะได้รับยกเว้นในบางเรื่อง เช่น บสย.ไม่ต้องประเมินราคาหลักประกันการให้สินเชื่อลูกหนี้รายใหญ่ ขณะที่ บตท.จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ เนื่องจากทั้ง 2 แห่งไม่มีพันธกิจการให้สินเชื่อ
อย่างไรก็ดี ในเรื่องหลักเกณฑ์กระบวนการด้านสินเชื่อแก่ลูกหนี้รายใหญ่หรือทำธุรกรรมคล้ายการให้สินเชื่อนั้น จะมีอัตราการการกำกับการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้รายใหญ่ที่การบังคับใช้กับ SFIs แต่ละแห่งจะแตกต่างกัน อาทิ ธ.ออมสิน ธ.ก.ส.และ ธอส. มีอัตราส่วนการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้รายใหญ่เมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน 15% ของเงินกองทุน ขณะที่ ธสน.และ บตท. ต้องไม่เกิน 25% ของเงินกองทุน ไอแบงก์ ไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อกลุ่มลูกหนี้รายใหญ่ และ ธพว. ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อกลุ่มลูกหนี้รายใหญ่
ขอบคุณที่มาข้อมูจาก